กลุ่มดีอาร์จี แถลงจี้รัฐบาลเลิกพรก.ฉุกเฉิน-รับผิดชอบวันเฉลิมถูกอุ้ม
เมื่อเวลา 19.00น. วันที่ 9 มิถุนายน กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (Democracy Restoration Group – DRG) ออกมาแถลงการณ์ฝ่านทางเฟซบุ๊กระบุว่า กรณีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อนักศึกษาที่ทำกิจกรรมผูกโบว์ขาวประท้วง และขอเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตามที่วันนี้ (9 มิถุนายน 2563) ตัวแทนจากกลุ่มสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ได้จัดกิจกรรม “ร่วมกันผูกโบว์ขาวประท้วง” เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐบาลที่กระทำต่อคุณวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมที่ลี้ภัยทางการเมืองถูกอุ้มหายที่กัมพูชา และนักกิจกรรมที่ถูกอุ้มหายไปหลังเหตุการณ์การรัฐประหารโดย คสช. ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 โดยได้มีการทำกิจกรรมผูกโบว์ขาวประท้วงตามสถานที่ต่างๆ เช่น หน้ากระทรวงกลาโหม กองทัพภาคที่ 1 และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ภายหลังที่ได้ทำกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนักศึกษาไปที่สำนักงานตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ โดยมีการแจ้งข้อกล่าวหาโดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535
หลังจากที่มีข่าวการอุ้มหายของคุณวันเฉลิม ได้มีกลุ่มกิจกรรมและนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหว ติดตามกรณีนี้อย่างแพร่หลาย กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยมีความกังวลต่อสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในการแสดงออกที่เกิดขึ้นภายในประเทศ จึงขอเรียกร้องต่อรัฐบาล
ดังนี้ 1. รัฐบาลต้องยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เพื่อควบคุมไม่ให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นหรือทำกิจกรรมใดๆ การใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินโดยอาศัยข้ออ้างในการควบคุมโรคระบาดไม่มีความจำเป็นใดๆ นอกเสียจากการอ้างเพื่อไม่ให้ประชาชนเคลื่อนไหวหรือจัดกิจกรรมทางเมือง
2. รัฐบาลต้องไม่ดำเนินคดีกับนักกิจกรรม นักศึกษา และประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวในกรณีที่ผู้ลี้ภัยทางการเมืองถูกอุ้มหายที่ประเทศกัมพูชา
3. รัฐบาลในฐานะที่ต้องดูแลพลเมืองประเทศไทย ต้องแสดงความรับผิดชอบในกรณีที่คุณวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมที่ลี้ภัยทางเมืองถูกอุ้มหายที่กัมพูชา โดยต้องออกมาชี้แจงว่ารัฐบาลไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการอุ้มหายของของวันเฉลิมหรือไม่ และต้องติดตาม ดำเนินการตรวจสอบกรณีนี้อย่างถึงที่สุด รัฐบาลต้องไม่ฉวยโอกาสใช้อำนาจในสถานการณ์ฉุกเฉินมาทำร้ายประชาชนที่ทวงคืนความยุติธรรมให้นักกิจกรรมที่โดนอุ้มหาย และต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่รัฐบาลไทยได้มีส่วนร่วมในสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในทุกๆ กรณี
