ผู้อ่านมติชน 92% ระบุไม่เห็นด้วยเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วเจ้าหน้าที่จะทำงานลำบาก
กรณี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาผ่อนคลายกิจการหรือกิจกรรมเพิ่มเติม ในช่วงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ว่า คณะทำงานกลั่นกรองจะใช้เวลาช่วง 2 สัปดาห์ของเดือนมิถุนายน เพื่อประเมินว่าจะใช้มาตรการอย่างไรต่อไป ส่วนตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนนี้ จนสิ้นเดือน จะเฝ้าติดตามสถานการณ์ หากสามารถควบคุมสถานการณ์อยู่หรือดีขึ้น อัตราการติดเชื้อคงที่ หรือหากมีการติดเชื้อก็เป็นกรณีที่ติดจากเมืองนอก และถ้าในประเทศมีตัวเลขเป็นศูนย์ และนิ่งต่อกันได้หลายวันอย่างที่ผ่านมา การจะนำไปสู่การปลดล็อกทั้งหลายโดยสิ้นเชิงมันก็เป็นไปได้ ขณะนี้ก็ได้เตรียมการไว้ทุกรูปแบบ คือกรณีแรก เตรียมการที่จะต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และกรณีที่สอง เตรียมการที่จะเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ กรณีที่สาม เตรียมการที่จะต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่งดใช้มาตรการต่างๆ เช่น สามารถที่จะชุมนุมได้ เลิกเคอร์ฟิว ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ขณะนี้ถือว่าสถานการณ์ดี
เมื่อถามว่า กรณีจะเปิดให้ต่างประเทศเข้ามาแบบประเทศต่อประเทศ จะมีการพิจารณาเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เพราะเรามีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จึงมีการปิดสนามบิน เป็นเหตุเป็นผลต่อเนื่องกัน โดยใช้ พ.ร.บ.การเดินอากาศฯ ต่างประเทศก็เช่นเดียวกันเมื่อมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จึงปิดสนามบิน ถ้าเราไม่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แล้วไปปิดสนามบิน จะอธิบายกับสายการบินไม่ได้ วันนี้เราให้เหตุผลว่าเป็นเพราะการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากเหตุโควิด-19 และบางอย่างแม้ไม่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก็สามารถดำเนินตามมาตรการได้ เช่น การสวมหน้ากาก และการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสถานการณ์ดีเช่นนี้ การผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 4 ก็คงจะไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มองจากวันนี้ก็ใช่ แต่หากลองปล่อยแล้วเกิดความประมาทชะล่าใจขึ้นมา ตรงนี้ก็น่ากลัว ที่เป็นห่วงคือ วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไปจะเป็นวันหมดอายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และยังเป็นดีเดย์การเปิดภาคเรียนและสนามบินด้วย
“และในขณะนี้โรงเรียนเขาก็คิดวิธีการของเขาอยู่ ทั้งเรื่องเวลาเด็กเข้าห้องน้ำ เล่นกีฬาจะทำอย่างไร ถ้าทุกอย่างมันคุมกันได้เองเช่นนี้ ก็วางใจได้ หากวันที่ 15-30 มิถุนายนนี้ มันปลอดภัย เราก็เชื่อว่าวันที่ 1 กรกฎาคม ก็น่าจะปลอดภัย คนต่างชาติที่เข้ามาก็ไม่ได้เดินไปโรงเรียนอยู่แล้ว โดยอีก 3-4 วัน ก็จะเป็นวันหยุดยาว ทำให้ต้องนำทุกอย่างมาเป็นปัจจัยคิด ซึ่งยังไม่มีคำตอบในเวลานี้” รองยนายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า มีแนวโน้มจะต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพิ่มเติมหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มันก็มีทุกทางอย่างที่ตนบอก พอไปดู พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ แล้ว หลายเรื่องไม่สามารถที่จะบริหารจัดการเหมือนอย่างการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้เลย
มติชนออนไลน์ เชิญผู้อ่านร่วมแสดงความคิดเห็น ท่านเห็นด้วยหรือไม่ ที่ว่า เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบาก
1.เห็นด้วย
2.ไม่เห็นด้วย
ผลการเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นทางเฟชบุ๊ก มติชนออนไลน์ พบว่า มีผู้ร่วมโหวต 2,300 โหวต ในจำนวนนี้ 92% ระบุว่า ไม่เห็นด้วย ขณะที่ 8% ระบุว่า เห็นด้วย ซึ่งมีตัวอย่างความคิดเห็นดังต่อไปนี้
ไม่เห็นด้วย หากดูสถิติตั้งแต่เดือน ธค เชื้อก็มาจาก ตปท และการแพร่กระจายช่วงแรกก็ไม่มากคุมได้เป็นเดือนทั้งๆที่ไม่ประกาศอะไรใหม่ปัญหาน่าจะเรื่อต่างชาติและความประมาท
ไม่เห็นด้วย…..เพราะกฏหมายปกติที่เกี่ยวข้องมีหลายฉบับที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ดำเนินการได้อยู่แล้ว….อย่าถือโอกาสมั่ว !!!!
มาจนบัดป่านนี้แล้วยังไม่รู้อีกหรือว่า คนกลัวตายหรือกลัว พรบ ฉุกเฉิน ไม่งั้นไม่ใส่หน้ากากกันจนเป็นแฟชั่นทั้งประเทศหรอก ที่ไม่ค่อยเห็นประเทศไหนทำกัน ถ้าเลิกแล้วเพียงแต่ให้ทุกหน่วยงาน หรือประชาสัมพันธ์ของรัฐต้องย้ำเตือนเรื่องการป้องกันตนเองอย่างต่อเนื่องอย่าให้ขาดหายไป ก็เพียงพอแล้ว เชื่อว่าไม่น่ามีการติดเชื้อเพิ่มอีก สำคัญต้องควบคุมการเข้าประเทศของคนต่างชาติให้รัดกุมเท่านั้น
ยกเลิก พ.ร.ก.ไปเถอะ แต่ให้คงไว้ว่าใครที่กลับมาจากต่างประเทศ ต้องคุมโรค 14 วันเป็นอย่างน้อย และยังไม่ควรให้มีการปลดล็อคให้ชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทย เพราะที่ผ่านๆมา เราไม่มีโรคระบาดในไทยมานานนับเดือนแล้ว แต่ที่ยังมีเพิ่มมาทุกวัน คือคนที่ติดเชื้อกลับมาจากต่างประเทศทั้งนั้นครับ
มันมีผลอยู่ 2 ทาง ทั้งทำให้เจ้าหน้าที่ลำบากขึ้นแต่ชาวบ้านก็ทำมาหากินได้เยอะขึ้น มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย
ทำงานลำบากขึ้นเพราะว่าต้องทำตามขั้นตอน เพราะทุกขั้นตอนมี ระเบียบวิธีการกำหนดไว้ ถ้าบอกว่า ทำตามขั้นตอนแล้วมันลำบาก เลยต้องใช้ทางลัด ผมว่าเราจะมีกฎหมายไว้ทำไม คุณก็มีฝ่ายนิติบัญญัติในมือ ก็แก้กฎหมายสิครับ แก้ในสิ่งที่คุณคิดว่ายากลำบาก หรือ เพราะไม่สามารถให้ ปชช.รู้เห็นได้เลย ใช้ทางลัด
การที่อ้างว่า ถ้าเลิกพรก.ฉุกเฉินแล้วต้องปล่อยให้ต่างชาติเข้ามาในประเทศ มันเป็นการข่มขู่กันชัดๆ ความจริงไม่เกี่ยวกันเลย จะให้เข้าหรือไม่ เรามีอธิปไตยเราจะกำหนดอย่างไรก็ได้ จะไม่ให้เข้าหรือเข้ามาแล้วต้องกักตัวก่อน 14 วัน ทำได้ทั้งนั้น ไม่มีพรก.ฉุกเฉินก็ทำได้ แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าจะอธิบายกับสายการบินต่างๆไม่ได้ เพราะมันเป็นนโยบายของรัฐ ที่ต้องระมัดระวังการควบคุมโรคต่อไป แม้ไม่ใช่สถานการณ์ฉุกเฉิน
ไม่เห็นด้วย เพราะว่าตอนนี้รัฐก็เริ่มผ่อนปรนและหลายหน่วยงานต้องปรึกษาว่าสมเหตุสมผลเเล้วที่จะยกเลิก ส่วนตัวคิดว่าถ้าสถานการณ์เหมาะสมและปลอดภัยยังไงก็ต้องมีการยกเลิกอยูแล้ว อยากให้ใจเย็นๆก่อน ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ
