09.00 INDEX ปัจจัย ประยุทธ์ จันทร์โอชา สะเทือน ต่อ ‘ประชาธิปัตย์’
ประหนึ่งว่าปฏิกิริยาอันปะทุออกมาจากภายในพรรคประชาธิปัตย์จะดำเนินไปในกระสวนเลียนแบบปฏิกิริยาอันปะทุมาจากพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย
เมื่อพรรคพลังประชารัฐกดดันในเรื่องหัวหน้าพรรค เมื่อพรรค เพื่อไทยมีข่าวตระเตรียมในเรื่องแยกตัวตั้งพรรคใหม่
พรรคประชาธิปัตย์อันเป็น “สถาบัน” การเมืองก็เอาด้วย
อาจสามารถอธิบายได้ว่าเป็นผลสะเทือนอันนำไปสู่ลัทธิเอาอย่างในทางการเมือง แต่ในความเป็นจริงสถานการณ์ในพรรคประชาธิปัตย์มีมากกว่านั้น
เพราะภาวะคุกรุ่นเกิดขึ้นและดำรงอยู่มาอย่างยาวนานและมีความต่อเนื่องโดยตลอด เพียงแต่รอความสุกงอมจากสถานการณ์ ภายนอกเข้ามาตกกระทบเท่านั้น
เหมือนกับปัญหาในพรรคพลังประชารัฐ เหมือนกับปัญหาใน พรรคเพื่อไทย
ปัจจัยการเมือง “ภายนอก” เท่านั้นที่จะชี้ขาด
ต้องยอมรับว่าเค้าลางแห่งความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ นั้นดำรงอยู่อย่างเด่นชัดมาแล้วตั้งแต่ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
แม้ว่าเป้าหมายในตอนนั้นจะคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะคือพรรคเพื่อไทย แต่ว่าด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน
1 คือคนที่ขึ้น “เวที” 1 คือคนที่เข้าร่วมเป่า”นกหวีด”
เมื่อเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งจึงเกิดการแยกตัวส่วนหนึ่งไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ ส่วนหนึ่งไปร่วมกับพรรครวมพลังประชาชาติ
ยิ่งหลังการเลือกตั้งยิ่งเด่นชัดเพราะส่วนหนึ่งต้องการร่วมกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกส่วนหนึ่งไม่ต้องการร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
จึงเกิดการลาออกและเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์
นี่คือจุดแห่งความขัดแย้งใหม่ในพรรคประชาธิปัตย์
ปัจจัยแห่งความขัดแย้งจึงยังดำรงอยู่เพราะว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มิได้วางมือทางการเมืองอย่างสิ้นเชิง ยังคงสมาชิกภาพพรรคประชาธิปัตย์อยู่อย่างเต็มเปี่ยม
รอที่จะหวนคืนมาสู่ตำแหน่งเดิมหากเงื่อนไขอำนวยและเหมาะสม
เงื่อนไขนั้นขึ้นอยู่กับสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สถานะและความนิยม สถานะและความมั่นคงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือตัวกระตุ้น
อนาคตพรรคประชาธิปัตย์จึงขึ้นกับ ประยุทธ์ จันทร์โอชา