พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะต้องตัดสินใจทางการเมืองในเร็ววันนี้ เมื่อมีความเคลื่อนไหวภายในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งคณะกรรมการบริหารพรรค จำนวน 18 คน ยื่นหนังสือลาออก เป็นผลให้ต้องมีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ รวมถึงการเลือกหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคใหม่ด้วย โดยคาดกันว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์ของพรรคจะได้รับเลือกให้มาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ พร้อมกันนั้นจะเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคด้วย ซึ่งมีชื่อของนายอนุชา นาคาศัย และนายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นแคนดิเดต
ความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐแม้จะมองว่าเป็นแค่การปรับเปลี่ยนภายในพรรคเหมือนดั่งที่ พล.อ.ประยุทธ์เคยให้สัมภาษณ์ แต่คนในแวดวงที่ติดตามการเมืองย่อมรู้ว่า เป้าหมายที่แท้จริงของการปรับเปลี่ยนครั้งนี้คือการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งหากความเคลื่อนไหวก้าวไปถึงจุดนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งขณะนี้เริ่มมีกระแสข่าวว่าหากมีการปรับคณะรัฐมนตรีจะปรับกันที่ทีมงานเศรษฐกิจ ที่หมายรวมถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานด้วย
การปรับคณะรัฐมนตรีในทางการเมืองถือเป็นเรื่องปกติ เพราะเมื่อรัฐบาลดำเนินการไปได้สักระยะหนึ่ง เมื่อนายกรัฐมนตรีเห็นว่าสมควรที่จะปรับปรุงทีมงานก็สามารถที่จะปรับคณะรัฐมนตรีได้ตามอำนาจที่ปรากฏอยู่ในรัฐธรรมนูญ เพียงแต่การปรับคณะรัฐมนตรีสมควรจะปรับตามแรงกดดันทางการเมืองซึ่งยึดแนวทางสัดส่วนโควต้าตามจำนวน ส.ส. หรือจะปรับตามแนวทางที่ยึดประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนกันแน่
การปรับคณะรัฐมนตรีที่อาจจะเกิดขึ้นครั้งนี้จะสะท้อนถึงทรรศนะการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าหากมีการปรับ ครม. พล.อ.ประยุทธ์จะตัดสินใจใช้แนวทางใดในการเลือกตัวบุคคลมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี จะใช้แนวทางที่ให้ความสำคัญกับโควต้าสัดส่วน ส.ส.ของแต่ละพรรค หรือจะตัดสินใจโดยใช้แนวทางยึดประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดินเป็นหลัก ซึ่งถ้าเป็นแนวทางแรก บุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต้องเป็นตัวแทนของกลุ่ม ส.ส.เท่านั้น แต่ถ้าเป็นแนวทางหลัง บุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส.หรือเป็นบุคคลที่กลุ่ม ส.ส.หนุนหลัง แต่นายกฯอาจชักชวน “คนนอก” ที่มีความรู้ความสามารถที่ดีที่สุด มีความน่าเชื่อถือมากที่สุด มาร่วมคณะรัฐมนตรี ทั้งหมดนี้จะได้เห็นในวันที่มีการปรับคณะรัฐมนตรี
