‘หมู่อาร์ม’ แจ้งความ ‘อัจฉริยะ’ ปมข้อมูลกองทัพหลุด
เมื่อเวลา 11.00 วันที่ 24 มิถุนายน 2563 ที่สถานีตำรวจภูธรประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี สิบเอกณรงค์ชัย อินทรกวี หรือหมู่อาร์ม เสมียนงบประมาณแผนกโครงการและงบประมาณกองแผน โครงการศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์ กรมสรรพาวุธทหารบก พร้อมนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความได้เดินเข้าพบ พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี , พ.ต.อ.ณัฐ พรหมเทพ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ , พ.ต.ท.ณัฐพล สิทธิมงคล รอง ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันกรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ไลฟ์สดใส่ร้ายด้วยข้อความที่ไม่มีข้อมูลความจริง
โดยสิบเอกณรงค์ชัย อินทรกวี หรือ หมู่อาร์ม กล่าวว่า วันนี้ได้มาลงแจ้งความบันทึกประจำวันไว้กรณีที่ทนายความอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ด้วยสาเหตุที่มาจากเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ได้ส่งเรื่องร้องเรียนไปยังประธานชมรมเรื่องการทุจริต เมื่อวันที่ 24 ได้ไปยื่นด้วยตนเอง หลังจากนั้นไม่ได้มีการติดตามเรื่องแต่อย่างใด ก็ทราบประธานชมรมเข้าพบโฆษกกองทัพบก เมื่อได้เข้าพบแล้วมีการไลฟ์สดใส่ร้ายตนเองด้วยข้อความต่าง ๆ ที่ไม่มีข้อมูลความจริง ตนเองคิดตั้งใจว่าชมรมนี้เป็นชมรมที่ช่วยเหลือคดีอาชญากรรมจริง ๆ ต้องการที่จะช่วยเหลือสังคมจริง ๆ ก็เลยส่งข้อมูลให้ แต่ภายหลังมาทราบว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เดิมทีไม่ได้ช่วยอยู่แล้วก็ไม่เป็นไร แต่ว่ากลับมาซ้ำเติมเหยื่ออีกครั้งด้วยการไลฟ์สด แล้วเพจของทนายอัจฉริยะเองซึ่งมีผู้ติดตามเกือบล้าน ประเด็นไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการทุจริตเลย แต่เป็นประเด็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่มีมูลความจริง แล้วก็ไม่ได้รู้ข้อเท็จจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำให้ตนเองเสื่อมเสีย ซึ่งก็จะทำให้มีการสื่อสารต่อ ๆ กันไปเรื่อย ๆ ยังมีเรื่องส่วนตัวเช่น ผมพกปืนไปในที่สาธารณะ ถ้ามากล่าวหาว่าผมแบบนี้ ทำไมจึงไม่มีคนไปแจ้งความ ซึ่งเป็นการใส่ร้ายว่าผมเป็นพวกอันธพาล มันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ซึ่งก็มีทหารชั้นผู้น้อยอีกหลายคนที่เคยร้องเรียนไปแล้วก็ไม่ได้ช่วยเหลือ ซึ่งสื่อมวลชนก็จะสังเกตเห็นได้ว่าหลังจากที่เขาพบโฆษก ทบ. วันที่ 14 กุมภาพันธ์แล้วไม่มีการติดตามเรื่องทุจริตเกิดขึ้นเลย จนตัวผมต้องไปขอความช่วยเหลือจากท่านวีระ สมความคิด เขาก็ออกมาพูดและก็มีข้อความที่โพสต์ว่าเป็นทหารที่ดีทำไมต้องหนีราชการ ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าข้อมูลนี้หลุดไปได้อย่างไร หลุดไปให้กองทัพหรืออย่างไร แล้วนายอัจฉริยะไปคุยกับกองทัพตอนไหน และประเด็นที่สำคัญก็คือวันที่ 24 ให้ตนเองไปรอในห้องสื่อมวลชน แต่ตัวนายอัจฉริยะเองกลับเข้าไปในห้องรับรองโดยเขาเป็นคนนัดให้ผมไปกับเขาก็เลยสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ส่วน นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความเปิดเผยว่า เท่าที่ดูก็น่าจะเข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาซึ่งโทษสูงสุดคือคุก 2 ปี ปรับ 20,000 บาท ก็อยากจะเตือนว่าถ้าจะไปปรึกษาคดีกับใคร ดูก่อนว่าเป็นทนายหรือเป็นทะแนะ เพราะว่าจะเป็นทนายเรามีกฎหมายควบคุมอยู่ว่าห้ามเอาความลับของลูกความหรือทำให้ลูกความเสียหายเสื่อมเสีย โทษสูงสุดถึงขั้นยึดใบอนุญาต ก็คือไม่ได้เป็นทนายอีกต่อไปเลย แต่ว่าในฐานะคนที่รู้กฎหมายที่ชาวบ้านเรียกกันว่าทะแนะอันนี้เขาไม่มีกฎหมายควบคุม เขาจะทำยังไงกับลูกความของเขาอย่างไรก็ได้ ก็อยากฝากเตือนให้ดูๆ กันนิดหนึ่งว่าปรึกษาใคร ควรดูให้ดีก่อนว่าเป็นทนายหรือเป็นทะแนะ สำหรับคดีนี้ทางเราจะดำเนินการฟ้องเอง