กมธ.วุฒิสภา ส่งไม้ต่อ ป.ป.ช. สอบรื้อ “บอมเบย์ เบอร์มา” ชี้ คนเกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ

กมธ.วุฒิสภา ส่งไม้ต่อ ป.ป.ช. สอบปมรื้อ “บอมเบย์ เบอร์มา” ชี้คนที่เกี่ยวข้องต้องมีส่วนรับผิดชอบ ยันส.ว.ลุยเก็บข้อมูลโบราณสถานทั่วประเทศ ป้องซ้ำรอย

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)คณะกรรมาธิกรการศาสนา คุณธรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม และคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต ประพฤติมิชอบ และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา นำโดยนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา และพล.ร.อ.ฐนิธ กิตติอำพน เดินทางมายื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผ่านนายธรรมนูญ เรืองดิษฐ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบเรื่องการทุจริต ประพฤติมิชอบ กรณีรื้อถอนอาคารศูนย์เรียนรู้ป่าไม้สวนรุกชาติเชตวัน (บ้านบอมเบย์ เบอร์มา) อายุกว่า 127 ปี จังหวัดแพร่ โดยเห็นว่าการกระทำดังกล่าวอาจเป็นการกระทำที่ผิดต่อประมวลกฎหมายอาญา กฎหมายโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ แสดงให้เห็นถึงความบกพร่อง ส่อถึงการทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ และหน่วยงานอื่น โดยอาจมีผู้เกี่ยวข้องและต้องรับผิดชอบคือ 1. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช 2. สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) 3. จังหวัดแพร่ 4. กรมศิลปากรโดยสำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ 5. ห้างหุ้นส่วนแพร่โกสินทร์ก่อสร้าง โดยกรรมาธิการทั้ง 2 คณะเห็นว่า แต่ละหน่วยงานน่าจะมีความผิดตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการและการกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ของรัฐก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นทั้งทรัพย์สินของราชการ กระทบกระเทือนต่อความรู้สึกของประชาชนอย่างร้ายแรงอาจเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.โบราณสถาน พ.ร.บ.ว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ นอกจากนี้ ข้าราชการที่เกี่ยวข้องอาจมีความผิดทางวินัย

นายวันชัย กล่าวว่า จาการตรวจสอบในส่วนของจังหวัดแพร่เราได้เห็นว่ามีความผิดพลาดบกพร่องในส่วนใด รวมทั้งกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เราก็ได้ตรวจสอบแล้วว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง และกรมศิลปากรซึ่งเป็นหน่วยอนุญาตและหน่วยตรวจสอบก็ได้พิจารราแล้วว่าบกพร่องผิดพลาดในส่วนใด รวมทั้งบริษัทที่รับเหมา ซึ่งทั้งหมดเป็นการกระทำคามผิดต่างกรรม ต่างโอกาส ต่างวันเวลากัน และเชื่อมโยงกัน ซึ่ง กมธ.เห็นว่าการกระทำดังกล่าวน่าจะเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่จะพิจารณาดำเนินการต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป

เมื่อถามอีกว่าในส่วนของจังหวัดแพร่รวมไปถึงระดับผู้ว่าราชการจังหวัดและรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่เป็นคนลงนามอนุญาตหรือไม่ นายวันชัยกล่าวว่า เราได้มีการสอบสวนแล้วเชิญมาให้ถ้อยคำชี้แจงแล้ว กรรมาธิการก็ได้ตรวจสอบรายละเอียดแล้ว เห็นว่าในฐานะคนให้งบประมาณน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องต่อเหตุที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ยืนยันว่าเป็นความผิดของผู้ว่าราชการจังหวัด แต่เราคิดว่าน่าจะมีการกระทำความผิดเชื่อมโยงกันในหลายส่วนงาน ส่วนตัวบุคคลใครผิดมากน้อยเพียงใด กรรมาธิการทั้ง 2 คณะได้ตรวจสอบและชี้ให้เห็นในเบื้องต้นแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.จะลงลึกในรายละเอียดอีกส่วนหนึ่ง

“ที่เห็นชัดเจนคืออาคารดังกล่าวเป็นโบราณสถาน และกฎหมายกำหนดไว้ว่าเมื่อเป้นโบราณสถานการบวนการต้องทำอย่างไร ต้องขออนุญาตจากใคร ดังนั้นใครก็ตามที่ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ควรรู้ จะปฏิเสธว่าไม่รู้ จึงไม่ทำตามที่กฎหมายกำหนดนั้น ไม่ได้ ซึ่งหลายภาคส่วนที่กระทำความผิดในเรื่องนี้มักจะอ้างว่าไม่รู้ หรือคิดว่ามีการอนุญาตแล้ว ดังนั้นแต่ละคนแต่ละส่วนงานต้องมีส่วนรับผิดต่อเรื่องนี้ ส่วนกรณี รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตอบกระทู้ว่าพร้อมที่จะเร่งดำเนินการตรวจสอบนั้น ต้องถือว่าฝ่ายบริหารฉับไว ทันใจ เบื้องต้นในด้านวินัยก็มีการโยกย้ายทันที แต่การหาตัวผู้กระทำผิดก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง แต่ก็ถือว่าเป็นรัฐมนตรีที่จริงจัง แต่ทางวุฒิสภาไม่ได้ต้องการดำเนินการแค่เรื่องนี้ เพราะเห็นว่าเรื่องแบบนี้มีอยู่ทั่วประเทศและไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก ซึ่งเป็นจุดประสงค์ใหญ่”นายวันชัยกล่าว

Advertisement

เมื่อถามว่านอกจากเรื่องการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว จะโยงถึงเรื่องทุจริตด้วยหรือไม่ นายวันชัย กล่าวว่า ขอยืนยันว่าเรื่องนี้ทุกมิติของการจัดสรรงบประมาณรวมทั้งการดำเนินการในเรื่องนี้ เราไม่ต้องการสอบแค่อาคารดังกล่าวแต่เราต้องการให้เรื่องนี้เป็นบทเรียน ซึ่งคนที่เกี่ยวข้องไม่ควรจะลอยนวล ไม่ควรปัดความรับผิดชอบไปมา เพราะถือว่าเรื่องนี้หากทุคนที่เกี่ยวข้องมีส่วนตรวจสอบกำกับดูแลเข้มงวดตามระเบียบตามกฎหมายเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้น นอกจากนั้น กมธ.ทั้ง 2 คณะกำลังดำเนินการตรวจสอบโบราณสถานทั้งหมด และกำลังจะมีการสรุปข้อมูลวิธีการแนวทางการแก้ไขปัญหา ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเกี่ยวข้องกับโบราณสถานทั้งหมดทั่วประเทส เพื่อหาทางยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ส่วนการบูรณะอาคารดังกล่าวกลับมาเหมือนเดิมได้หรือไม่ เป็นเรื่องของ กรรมาธิการศาสนาฯ จะเข้าไปช่วยตรวจสอบดูแลว่าการดำเนินการเป็นไปตามหลักการและถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้อยากเร่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการอย่างรวดเร็ว จริงจัง เพราะถือเป็นเรื่องที่กระทบต่อความรู้สึกของประชาชนจำนวนมาก ดังนั้นการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดจึงต้องรวดเร็วและรุนแรงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นอีก

ด้านพล.อ.ธนิต กล่าวว่า ขั้นตอนการดำเนินการเรื่องนี้ทำโดยไม่ได้รับอนุญาตเลยตั้งแต่การจ้างบริษัทมาบำรุงรักษา แต่กลายเป็นการรื้อถอน และเท่าที่ดูเอกสารแล้วไม่มีรูปแบบ ไม่มีเจ้าหน้าที่ที่เป็นสถาปนิกหรือวิศวกร ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร และ พ.ร.บ.สถาปนิกกำหนดไว้ จึงเป็นการทำแบบไม่มีรูปแบบแล้วมีการตกลงกันว่าต้องถอนฐานรากออกทั้งหมด แต่กลับไม่มีการขอแก้สัญญา ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้องตามระเบียบวัสดุ ดังนั้นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าการทำงานทุกงานในการจัดซื้อจัดจ้างควรเป็นไปตามระเบียบวัสดุอย่างครบถ้วน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ส่วนการขออนุญาตปรับปรุงอาคารนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญเพราะเป็นโบราณสถาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image