‘บิ๊กตู่’ นำรมต.ถกครม.พร้อมหน้า ‘พช.’ ชูแบรนด์ OTOP Thai Taste สร้างรายได้สู่ชุมชน

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยวันเดียวกันนี้บรรดาคณะรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ทั้งพล.อ.ประวิตร วงษ์ สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และกลุ่ม 4 กุมาร ทั้งนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม และนายสนธิรัตน์ สนธิรจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

ทั้งนี้ก่อนการประชุม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน(พช.) เข้าพบเพื่อจัดแสดงนิทรรศการโครงการยืดอายุผลิตภัณฑ์ OTOP อาหารถิ่นรสไทยแท้ปั้นแบรนด์ “OTOP Thai Taste” มุ่งสร้างรายได้คืนกลับชุมชน โดยพช. จับมือสถาบันอาหาร ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน สนับสนุนโครงการยืดอายุผลิตภัณฑ์ OTOP อาหารถิ่นรสไทยแท้ เดินหน้าใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ช่วยพัฒนาคุณภาพการผลิต การแปรรูป การเก็บรักษา พร้อมคัดเลือกเมนูอาหารที่ผ่านการรับรองมาตรฐานอาหารถิ่นรสไทยแท้ จากโครงการยกระดับมาตรฐานอาหาร จัดทำเป็นสินค้าต้นแบบเชิงพาณิชย์ สร้างสรรค์เป็นเมนูอาหารถิ่นรสไทยแท้ที่มีความโดดเด่นของส่วนประกอบที่มีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น 10 เมนู หวังยกระดับและเพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้แก่อาหารถิ่นรสไทยแท้ที่เป็นอาหารปรุงสด ให้เป็นอาหารที่มีอายุการเก็บรักษาเพื่อการบริโภคได้ยาวนานขึ้น สะดวกต่อการรับประทานรองรับเทรนด์ในยุคปัจจุบัน พร้อมขยายตลาดสู่เครือข่ายผู้ผลิตอาหารไทยและผู้บริโภค

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีพช. กล่าวว่า โครงการยืดอายุผลิตภัณฑ์ OTOP อาหารถิ่นรสไทยแท้ เป็นโครงการที่ต่อยอดความสำเร็จมาจากการดำเนินการโครงการอาหารถิ่นรสไทยแท้ (OTOP Authentic Thai Taste) ในปีงบประมาณ 2561 ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานอาหารถิ่นรสไทยแท้กว่า 500 เมนูจาก 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ โดยพบว่าอาหารถิ่นที่ได้รับการคัดสรรหลายเมนู มีเครื่องเทศ สมุนไพร และพืชผักพื้นบ้านหลายชนิดเป็นส่วนประกอบ ดีต่อสุขภาพ ซึ่งเมนูอาหารถิ่นรสไทยแท้ดังกล่าว เหมาะสำหรับการบริโภคทันทีเมื่อปรุงเสร็จ มีช่วงเวลาเก็บรักษาที่สั้น ทำให้ไม่สามารถทำการตลาดในวงกว้างได้

“ในปี 2563 นี้ พช.จึงได้จัดทำ โครงการยืดอายุผลิตภัณฑ์ OTOP อาหารถิ่นรสไทยแท้ โดยมีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาอาหารไทยที่มีสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคมาพัฒนา โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตมาใช้เพื่อการยืดอายุผลิตภัณฑ์ พัฒนาเป็นสินค้าอาหารแปรรูป ที่สะดวกต่อการบริโภค สอดคล้องตามความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน รสชาติอร่อย แต่ยังคงคุณประโยชน์ คุณภาพ และความปลอดภัย เพิ่มการออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ และใช้ตราสัญลักษณ์หรือแบรนด์ OTOP Thai Taste ระบุข้อมูลโภชนาการต่อหน่วยบริโภค และจุดเด่นเรื่องราว (Story) ของผลิตภัณฑ์ ลงบนฉลากบรรจุภัณฑ์ตามมาตรฐานสินค้าระดับสากล และประโยชน์ที่ตามมานอกจากได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ในท้องตลาด คือการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชน เดิมจากอาหารที่ปรุงสดในราคา 30 บาท สามารถเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์ OTOP ได้ในราคาขาย 50 บาทหรืออาจสูงกว่า จากการสำรวจปี 2562 มีครัวเรือน ทั่วประเทศ 21 ล้านครัวเรือน หากแต่ละครัวเรือนซื้อผลิตภัณฑ์ OTOP อาหารถิ่นรสไทยแท้ 1 ถ้วย/ปี จะได้ 21 ล้านถ้วย สามารถสร้างรายได้ไม่น้อยกว่า 1,050 ล้านบาท ซึ่งรายได้ดังกล่าวจะกระจายกลับคืนสู่ชุมชนและอีกหลายชีวิต ก่อให้เกิดการขยายตัวของเศรษฐกิจฐานรากได้ สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างความเข้มแข็งในระดับชุมชนอย่างยั่งยืน”นายสุทธิพงษ์กล่าว

อธิบดีพช. กล่าวว่า สินค้าต้นแบบของโครงการ จะนำไปดำเนินการทดสอบตลาดแบบครบวงจรและสร้างการรับรู้ไปสู่เครือข่ายการผลิตอาหารไทย และผู้บริโภค เช่น บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี จำกัด ทั้ง 76 จังหวัด ผู้ประกอบการอาหาร และ ผู้บริโภคทั่วไป จำนวน 10 ผลิตภัณฑ์ ไม่น้อยกว่า 2,600 ชิ้น/จังหวัด รวม 205,000 ชิ้น ซึ่งกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมกับ สภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ประสานความร่วมมือดำเนินการกระจายสินค้าส่งไปยังทั่วประเทศ และคาดว่าจะรับมอบสินค้าจากสถาบันอาหารครบตามจำนวนภายในเดือนสิงหาคมนี้

ด้านนางนิตยา พิระภัทรุ่งสุริยา รองผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวว่า สินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าต้นแบบเชิงพาณิชย์ ที่ผ่านการควบคุมกระบวนการผลิตตามมาตรฐานสากล เพื่อให้การผลิตสินค้ามีคุณภาพ และความปลอดภัยต่อผู้บริโภค โดยใช้เทคโนโลยียืดอายุผลิตภัณฑ์ ซึ่งสถาบันอาหารรับดำเนินการผลิตเป็นสินค้าต้นแบบเชิงพาณิชย์จำนวน 10 ผลิตภัณฑ์ด้วย 2 เทคโนโลยี คือเทคโนโลยีการยืดอายุด้วยเครื่องฟรีซดราย (Freeze Dryer) หรือเทคโนโลยีการทำแห้งแบบแช่เยือกแข็ง จำนวน 5 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ น้ำยา(น้ำเงี้ยว) แกงไตปลา แกงป่าไก่ แกงเห็ด และแกงกระวานไก่ และ เทคโนโลยีการยืดอายุอาหารโดยใช้เครื่องรีทอร์ท (Retort) หรือเครื่องฆ่าเชื้อภายใต้แรงดัน จำนวน 5 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ แกงฮังเลไก่ มัสมั่นไก่ ต้มโคล้งปลาย่าง น้ำยาป่า และแกงส้มมะละกอ โดยผลิตภัณฑ์ทั้ง 10 เมนูนี้ สามารถเก็บรักษาได้นานกว่า 1 ปี ทั้งนี้เมื่อนำสินค้าต้นแบบกระจายสู่ตลาดแล้ว จะมีการประเมินผลการทดสอบตลาดในแต่ละจังหวัดเพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพ รสชาติ และบรรจุภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการตลาดต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image