•…จบไปเปลาะ “พลังประชารัฐ” เปลี่ยนผู้บริหารพรรคแล้ว ไม่เหลือเงา “กลุ่ม 4 กุมาร” ชุดใหม่เป็นการประสานระหว่าง “สุริยะ-สมศักดิ์”กับ “ผู้สร้างพรรคตัวจริง-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” แม้จะพยายาม
อธิบายว่า “พรรค” กับ “ครม.” เป็นคนละเรื่องกัน แต่คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวทางการเมืองมามากพอ จะรู้ดีว่า “ไม่มีทางเป็นไปได้ที่ใครจะบริหารพรรคโดยไม่สนใจเก้าอี้รัฐมนตรี”
•…เมื่อ “หมดบทบาทในพรรค” ย่อมเป็นธรรมดาที่จะประเมินว่า “ต้องเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจ” และหาก “4 กุมาร” หลุดไป โดย “โควต้ารัฐมนตรี” เปลี่ยนให้ “ผู้บริหารพรรคชุดใหม่” เป็นผู้กำหนด ปกติการ
บริหารกลไกเศรษฐกิจยังยากลำบากอยู่แล้ว เมื่อไม่มีมือไม้ หาก สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะไปต่อ คงต้องอยู่ในสภาพลำบากยากเย็น ยิ่งในภาวะวิกฤตจ่อคอหอยแบบนี้ จะเป็นการ “อยู่แบบทำอะไรไม่ได้”
•…ประกาศต่อการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไป ท่ามกลางเสียงต่อต้านว่า “เป็นการอาศัยสถานการณ์โควิด ควบคุมความเคลื่อนไหวทางการเมืองภาคประชาชน” ทั้งที่ไม่มีผลต่อการระบาดของโรค
สักเท่าไร แถม “สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจหนักหน่วง” เพราะเปิดทางให้ใช้อำนาจปิดกั้นการทำมาหากินของประชาชน เมื่อ “การชุมนุมทางการเมือง” ใช้ “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” เป็นประเด็น ตราบใดที่
“ยังไม่ยกเลิก” การหยิบเรื่องนี้มา “เคลื่อนไหวต่อต้าน” จะมีเหตุผลสมควรในความรู้สึกของคนทั่วไป ที่เดือดร้อนจากการประกอบกิจการงาน
•…เรื่องราวของ “150 วันอันตราย” ที่ “นักธุรกิจทั้งใหญ่ทั้งน้อย” หวาดผวากันว่า เมื่อ “วาระมาตรการพักชำระหนี้” ที่รัฐบาลขอความร่วมมือกับแบงก์ไว้จะหมดลงใน “เดือนตุลาคมนี้” ขณะเป็นที่ทราบกันดีว่า “ธุรกิจจำนวนมากเสียหาย” ไม่มีทางที่จะหาเงินมาจ่ายให้แบงก์ได้ กังวลกันว่า “หนี้เสียมหาศาล” จะกระทบต่อกิจการธนาคาร อาจจะถึงขั้น “เดินหน้าต่อไปไม่ได้” อันจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
•…และเมื่อการประกาศยืดเวลา “มาตรการพักชำระหนี้ออกไป” ถูกมองว่า “ไม่ใช่วิธีแก้” เพราะเท่ากับแค่ ซุกปัญหาไว้ใต้พรม “หนี้เน่า” ไม่ได้หาย/ไปไหน และยิ่งซุกไว้นานวัน ยิ่งลุกลามหนักขึ้น จนที่สุดแล้ว
“ความเสียหาย” จะมหาศาลกว่าการยอมรับความจริงเสียแต่วันนี้ และ
นี่คือโจทย์ยาก ที่ทำให้ “ข่าวเรื่องการปฏิเสธไม่รับเป็นทีมเศรษฐกิจของหลายคน” เป็นเรื่องซุบซิบกันทั่ว
•…ความเดือดร้อนจากพิษโควิด ที่ซ้ำเติมเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว คือ “คนจะตกงานกันมากมาย” ล่าสุดเริ่มแล้ว “องค์การค้าคุรุสภา” ประกาศเลิกจ้าง “พนักงานจำนวนมาก” โดยไม่แจ้งล่วงหน้า เช่นเดียวกับธุรกิจอีกหลายอย่างที่ “ผลประกอบการเริ่มไปไม่รอด” เจ้าของต้องดิ้นรนอยู่รอด หลังจากนี้น่าจะมีข่าวทำนองนี้ต่อเนื่องออกมาเรื่อยๆ
•…ศาลให้ใบเหลือง กรุงศรีวิไล สุทินเผือก ต้องเลือกตั้งใหม่ “สมุทรปราการ” เที่ยวนี้ “พรรคก้าวไกล” ไม่รอดูท่าทีใคร ประกาศส่งผู้สมัครเข้าชิง ที่ต้องหนักใจเป็น “เพื่อไทย” ที่เคยเป็นเจ้าของพื้นที่ เพราะเมื่อต้องส่งผู้สมัครเท่ากับ “ชิงคะแนนกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน” จะกลายเป็นกินแหนงแคลงใจกันมากขึ้น จากความกังขา “การวางเกมการเมืองหลายเรื่อง” ก่อนหน้านั้นเป็นเชื้ออยู่แล้ว
