‘เทพไท’ ชี้ประชุมงบ 64 เลิกดึก ทำไม่มีใครสนใจ ไม่เกิดประโยชน์ แนะวิป 2 ฝ่าย ปรับเวลาเลิกประชุมสภา จะมีประสิทธิภาพกว่า
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2563 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ที่ผ่านมาว่า ในภาพรวมทุกอย่างได้ผ่านไปอย่างราบรื่น บรรยากาศของการประชุมก็เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ไม่มีเหตุประท้วงวุ่นวายเกิดขึ้นเลย ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี ทำให้สถาบันนิติบัญญัติเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนได้ ภาพลักษณ์การทำงานของสภาผู้แทนราษฎรก็ดีขึ้นในสายตาประชาชน ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าสภาชุดนี้ มีคุณภาพไม่น้อยกว่าชุดใดๆ และยังเป็นที่คาดหวังของประชาชนได้ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีผู้อภิปรายจำนวน 20 คน ที่มีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง เป็นหัวหน้าทีม ได้ทำหน้าที่อภิปรายสะท้อนปัญหาของประชาชน ได้ครบถ้วนทุกแง่มุม นับว่าเป็นความสำเร็จในการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของพรรคอีกครั้งหนึ่ง
นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าการประชุมครั้งนี้มีกำหนดวันประชุมเพียง 3 วัน ทำให้เวลาการประชุมในแต่ละวันมากเกินไป เช่น วันแรกประชุมกันจนถึงเวลา 00.35 น. วันที่ 2 เลิกประชุมเวลา 01.39 น. และวันที่ 3 ได้ลงมติและเลิกประชุมเวลา 23.30 น. ซึ่งเป็นการประชุมมาราธอนที่ใช้เวลาจนดึกมาก ซึ่งไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย เพราะการประชุมดึกเกินไป ทำให้การทำงานขาดประสิทธิภาพ มีอาการง่วง เมื่อยล้า ทั้งประธานที่ประชุม ผู้อภิปราย คณะรัฐมนตรีที่ (ครม.) ต้องตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวที่คอยทำข่าวประจำสภา และประชาชนผู้สนใจติดตามการประชุมก็อดนอน หรือนอนหลับไปโดยไม่มีใครสนใจการประชุม จึงไม่ก่อประโยชน์ใดๆ ต่อประชาชน
ถ้าหากต้องการให้การประชุมสภามีประสิทธิภาพเป็นที่สนใจของประชาชน และต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารด้วย การประชุมสภาก็ควรกำหนดเวลาเลิกไม่เกินเวลา 21.00-22.00 น.เท่านั้น แต่หากต้องการให้การประชุมสภาเป็นแค่พิธีกรรม ประชุมกันให้ครบตามจำนวนเวลาที่วิปทั้ง 2 ฝ่ายมีข้อตกลงร่วมกันก็เพียงพอ โดยไม่ต้องสนใจประสิทธิภาพของการประชุมก็ต้องปฎิบัติแบบเดิมๆ ต่อไป
“จึงขอเสนอให้วิปทั้ง 2 ฝ่าย ได้ทบทวนวิธีการประชุมสภาใหม่ โดยควรคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง จะใช้เวลาประชุมกันกี่วันก็ได้ แต่ควรเลิกประชุมไม่เกินเวลา 22.00 น. แม้จะมีปัญหาการเซ็นชื่อเข้าร่วมประชุมสภาในแต่ละวันก็ตาม ก็ถือว่าเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของ ส.ส.ทุกคน ถ้ามีข้ออ้างเรื่องการเซ็นชื่อกลัวองค์ประชุมจะไม่ครบนั้น ถือเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะต้องยึดผลประโยชน์ของส่วนรวมให้มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน” นายเทพไทกล่าว
