เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 26 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเห็นชอบให้กระทรวงแรงงานเสนอครม.แก้ไขปัญหาการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวตามมติครม.เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยปรับปรุงการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว โดยการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณากำหนดเงื่อนไขการอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวเปลี่ยนไปทำงานกับนายจ้างรายใหม่ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ติดตามของแรงงานต่างด้าวและบุตรของแรงงานต่างด้าวที่เกิดในไทย และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาการให้สัตยาบันอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังขยายระยะเวลาการหักเงินค่าจ้างจากลูกจ้างเพื่อนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรเป็นเวลา 2 ปี โดยจะต้องออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดระยะเวลาดังกล่าว รวมถึงจัดตั้งศูนย์แรกรับเข้าทำงานและส่งกลับแรงงานต่างด้าวตามแนวชายแดน รวมถึงศูนย์ช่วยเหลือแรงงานต่างด้าว
พล.ต.สรรเสริญกล่าว รวมถึงเห็นชอบแนวทางการจัดระบบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชาจำนวน 4 กลุ่ม 1.ผ่านการตรวจสัญชาติภายในวันที่ 31 มีนาคม 2558 จะอนุญาตให้อยู่และทำงานได้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2559 และให้ทำงานต่อไปอีก 2 ปีสิ้นสุด 31 มีนาคม 2561 2. กลุ่มถือใบอนุญาตทำงานที่ออกให้จาก OSS แต่ยังไม่ได้ตรวจสัญชาติภายในวันที่ 31 มีนาคม 2558 ให้มารายงานตัวเพื่อขอรับบัตรใหม่และใบอนุญาตทำงาน โดยจะผลผันให้อยู่ได้ 1 ปีจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2559 หากมีการตรวจสัญชาติแล้วเสร็จจะให้อยู่ต่ออีก 2 ปี สิ้นสุด 31 มีนาคม 2561 ทั้งนี้หลังสิ้นสุดการผ่อนผันแล้ว แรงงานต่างด้าวจะต้องเดินทางกลับออกจากราชอาญาจักรและกลับมาอย่างถูกกฎหมายต่อได้ 3.กลุ่มที่ไม่มารายงานตัวภายในวันที่ 30 มีนาคม 2558 ให้มีการตรวจสอบติดตามจับกุมและผลักดันส่งกลับประเทศได้ตามกฎหมาย 4.กลุ่มผู้ติดตามให้มารายงานตัวเพื่อขอรับบัตรใหม่พร้อมกับแรงงานต่างด้าวภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2558 อยู่ในกำหนดจะได้รับสิทธิอยู่ในราชอาณาจักรเช่นเดียวกับกลุ่ม 1 และ 2
“หากไม่มาตามกำหนดจะถูกผลักดันออกนอกประเทศ ทั้งนี้การแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานประมงทางทะเลในระยะสั้นให้นายจ้างยื่นแบบความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวและให้นำแรงงานไปทำทะเบียนประวัติ ตรวจสุขภาพ และขออนุญาตทำงานภายใน 90 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558 ถึง 31 มีนาคม 2559 ส่วนระยะยาวมีการปรับปรุงบันทึกว่าความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจ้างแรงงานระหว่างไทยกับเมียนมา ลาวและกัมพูชา โดยปรับระยะเวลาการกลับเข้าทำงานและหลังทำงาน เมื่อครบ 4 ปีจากเดิมกำหนดไว้ 3 ปีลดลงเหลือ 30 วัน ทั้งนี้แรงงานต่างด้าวจะต้องดำเนินจดทะเบียนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 29 กรกฎาคม 2559” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า และขยายระยะหักเงินค่าจ้างจากลูกจ้างเพื่อนำส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งแรงงานกลับนอกราชอาณาจักร โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2559 ถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2561
