เปิดใจ‘อนุชา นาคาศัย’ เลขาฯป้ายแดง‘พปชร.’

 

หมายเหตุนายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) คนใหม่ ให้สัมภาษณ์พิเศษ “มติชน” ถึงแนวทางการขับเคลื่อนการทำงานของพรรค พปชร. ในทุกมิติ ภายหลังมีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่

⦁การทำหน้าที่เลขาธิการพรรคคนใหม่ วางบทบาทไว้อย่างไร

ผมได้รับหน้าที่นี้ถือว่าเป็นภาระค่อนข้างหนักพอสมควร แต่ผมมุ่งมั่นและตั้งใจทำพรรคร่วมกับท่านหัวหน้าพรรค (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) มีเจตนาทำให้พรรคเป็นสถาบันการเมือง สามารถตอบโจทย์ปัญหาของประเทศได้ในหลายๆ มิติทางสังคมเศรษฐกิจและการเมือง โดยเฉพาะทำให้พรรคสามารถทำให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดีได้ ตรงกับที่คิดและผมตั้งใจมาโดยตลอดว่าการทำพรรคการเมืองควรทำมิติใหม่ ไม่ใช่แบบเดิมๆ เหมือนในอดีต ต้องทำงานเชิงรุก มีนโยบายจับต้องได้ สามารถตอบได้ชัดเจนว่าการเมืองแบบไหน ตอบโจทย์ได้ทั้งเศรษฐกิจและสังคม มีตัวชี้วัดชัดเจนในเรื่องความสุขหรือความกินดีอยู่ดีของพี่น้องประชาชน ถ้าหากผมทำไม่ได้ ผมก็ต้องพิจารณาตัวเองในฐานะเป็นเลขาพรรค ในฐานะได้รับความไว้วางใจมา เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนพรรค ต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่

Advertisement

เชื่อว่าสิ่งที่ผมคิดไว้จะตอบโจทย์ปัญหาของประเทศที่มีมาช้านานได้ในหลายมิติ ผมเป็นนักคิดเป็นนักปฏิบัติมาตลอด ผมไม่ใช่นักพูด ผมเป็นคนพูดน้อยมากๆ ทุกคนจะสงสัยว่าเข้ามาเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างไร ไม่ใช่เป็นนักพูดมาโชว์วิสัยทัศน์ มาโชว์วิชั่นทางการเมือง แต่เป็นนักคิดและเป็นนักปฏิบัติ นักทำมากกว่าที่จะเป็นนักพูด

"อนุชา นาคาศัย" นำพลังประชารัฐ ตอบโจทย์ประเทศ

Advertisement

"อนุชา นาคาศัย" นำพลังประชารัฐ ตอบโจทย์ประเทศ

โพสต์โดย Matichon Online – มติชนออนไลน์ เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม 2020

⦁การมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว จะแก้ปัญหามุ้ง ก๊ก ก๊วน ในพรรคอย่างไร

เป็นธรรมดาของการเมือง ทุกพรรคเป็นอย่างนี้ ไม่ว่าพรรคไหนก็แล้วแต่ สิ่งเหล่านี้เราโชคดี ได้หัวหน้าพรรคมากด้วยบารมี ท่านเป็นคนจริงใจต่อผู้ร่วมงาน มีความเอื้ออาทรกับผู้ร่วมงาน เป็นคนมีความยุติธรรม เป็นคนใส่ใจในรายละเอียดของทุกคน ท่านหัวหน้าคนเดียวก็ตอบโจทย์ได้แล้วว่าทำให้พรรคมีเอกภาพ ไม่มีกลุ่มก้อนเกิดความขัดแย้งอะไรกันได้

แต่ความขัดแย้งทุกมิติเชื่อว่าย่อมมีอยู่แล้ว แต่คงไม่รุนแรงหรือบานปลายไปจนเกิดเป็นปัญหากับพรรค เพราะเรามีหัวหน้าที่มีบารมีจะแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ ตรงนี้ก็ลดแรงกดดันของตัวผมเองในฐานะแม่บ้าน ต้องดูเรื่องพวกนี้ ส่วนตัวผมมีความมั่นใจว่าสิ่งที่ผมประพฤติปฏิบัติมากับเพื่อนๆ มวลหมู่สมาชิก ผมมีความเสมอภาค ไม่เคยคิดว่าใครอยู่ตรงไหนหรือไม่อย่างไร ปฏิบัติเช่นนี้มาตลอด ทุกคนเปรียบเสมือนเพื่อนร่วมงานผม ทุกคนเปรียบเสมือนพี่น้องผม ทุกคนเปรียบเสมือนองค์กรทั้งองค์กรที่ต้องรวมกัน เชื่อว่าสมาชิกทุกคนสัมผัสได้อยู่แล้วในการกระทำของผมมาโดยตลอด

⦁เชื่อมั่นว่าหลังจากเปลี่ยนเลขาธิการพรรค ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะไม่มีอีกต่อไป

ผมมั่นใจว่าแทบไม่มีนะครับ การที่เราบอกจะไม่มีเลย บางครั้งพูดไปก็เหมือนโกหก แต่ผมเชื่อว่าคงมีน้อยมากๆ

⦁เลขาธิการพรรคจะเข้ามามีบทบาทในการประสานมากขึ้น

หัวหน้าอยากให้มีความสมัครสมาน รักใคร่กลมเกลียวกัน เหมือนกับโลโก้พรรค เกิดจากไอเดียหัวหน้า ต้องการเน้นเรื่องของความรักความสามัคคีเป็นหลัก ในการจะทำให้องค์กรเข้มแข็งเรื่องการเดินไปข้างหน้า เพื่อตอบโจทย์ในการทำงานในฐานะพรรคได้ ก็ควรจะมีความเป็นเอกภาพและความรักความสามัคคีกลมเกลียวความเป็นหนึ่ง จะเดินไปข้างหน้าในเป้าหมายเดียวกัน

⦁พรรคประชารัฐจะเป็นสถาบันการเมือง และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล นำพารัฐบาลอยู่ครบเทอมได้หรือไม่

ผมมั่นใจสูงมากในบุคลากรหลายๆ ด้านแล้วที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะนำพาเข้ามา ทั้งนักธุรกิจ นักวิชาการ คนรุ่นใหม่ จะมารวมกันระดมสมองผลิตนโยบายขับเคลื่อนที่ต้องตอบโจทย์ประเทศไทยให้ได้ ในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ในเรื่องเศรษฐกิจสังคมการเมืองและต้องตอบโจทย์ได้ในฐานะที่เราเป็นพรรคการเมืองเราอาสาพี่น้องน้องประชาชนมาแล้ว ถ้าไม่ทำแล้วจะตอบสังคมอย่างไร จะตอบคนที่เลือกเรามายังไง เราคงไม่นำสิ่งที่พี่น้องประชาชนมอบความหวังไว้กับพรรคการเมืองหรือพี่น้องประชาชน อีกทั้งส่วนที่ยังไม่มั่นใจกับการเมือง เราก็ย่อมทำให้เขาเห็นว่าการเมืองสามารถตอบโจทย์ได้ในการแก้ไขชีวิตความเป็นอยู่สังคมแล้วก็การเมืองได้ ไปตรงสิ่งที่เรามุ่งหวัง โดยเฉพาะตัวผมมุ่งหวังอย่างแรงกล้า ท่านหัวหน้ามุ่งหวังอย่างแรงกล้าที่จะเดินหน้าไปในทางเดียวกัน เมื่อเราคิดตรงนี้ได้เราทำไปสู่ตรงนี้ได้ มันก็คือพรรคการเมืองมีครบทุกมิติ มั่นใจได้ว่าของเราเป็นสถาบันการเมืองชั้นนำแน่นอน

⦁มีการพูดถึงการปรับทีมเศรษฐกิจของพรรค มีชื่อนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นส่วนหนึ่งของทีม วางโครงสร้างไว้อย่างไร

เราอยากให้ประชาชนอยู่ดีกินดี เศรษฐกิจมีความมั่นคง ตามแนวคิดของพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นบุคลากรของพรรค ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีก็ดี ส.ส.ก็ดี รวมทั้งอาจารย์นฤมล ก็คือหนึ่งในนั้น เราจะเชิญนักธุรกิจ นักวิชาการ แล้วก็คนรุ่นใหม่มาระดมสมองแล้วก็ให้ตกผลึกให้ได้ การจะแก้ตรงนี้ ผมมีความมั่นใจในส่วนหนึ่งที่เราได้ทำมา ร่วมกับนักวิชาการนักธุรกิจที่เรามีอยู่ แล้วก็พวก ส.ส.รวมทั้งนางนฤมล เราได้ทำงานกันไปแล้วส่วนหนึ่ง แล้วเราค่อนข้างมีความมั่นใจว่าสามารถตอบโจทย์ประเทศได้ ทำให้พี่น้องอยู่ดีกินดี ทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีความแข็งแกร่งได้ ในบริบทของประเทศไทย

⦁บริบทของพรรค จะผลักดันสู่นโยบายของรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศอย่างไร

เมื่อเราเป็นพรรค ตั้งแต่ตอนหาเสียงมันก็คือการกำหนดนโยบายนำไปสู่การบริหาร ถ้าหากเป็นพรรคแกนนำ เมื่อเราผลิตนโยบายได้ก็ต้องนำเสนอกับภาครัฐ เพื่อให้พิจารณาถึงนโยบายของพรรคที่ทำขึ้นมา ตรงนั้นจะเห็นหรือไม่เห็นอย่างไร ได้ตอบโจทย์ของความเป็นพรรคว่าได้ทำสิ่งที่ควรทำให้กับสังคมให้กับประเทศให้กับพี่น้องประชาชนที่เลือกพรรค หรือเห็นว่าพรรคเป็นที่พึ่งของประชาชน ดังนั้นจำเป็นต้องทำ ไม่ว่าจะมีการนำนโยบายนั้นไปปฏิบัติหรือไม่ แต่คงต้องให้พี่น้องประชาชนได้เห็นว่าเราทำ เห็นอย่างนี้ คิดดีอย่างนี้ มุ่งมั่นอย่างนี้ ต้องเป็นรูปธรรมในการทำ อันนี้คือการตอบโจทย์ของความเป็นพรรค

ส่วนตอบโจทย์ของการทำงาน ถ้าหากว่ารัฐบาลหยิบนโยบายของเราไปทำ แล้วถ้าเกิดสามารถตอบโจทย์ของประเทศได้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จสูงสุดในความเป็นพรรค สามารถนำนโยบายพรรคไปสู่การบริหารประเทศ

ทุกพรรคการเมืองอยากให้เอานโยบายพรรคไปสู่การบริหารประเทศอยู่แล้ว แต่ถามว่านโยบายที่ดีอยู่ตรงไหน เชื่อว่าสิ่งที่คิด สิ่งที่ทำ คือสิ่งที่ใช่แน่นอน เป็นการคิดแบบวิทยาศาสตร์ สามารถพิสูจน์ได้ หรือทำได้ หรือปฏิบัติได้ และค่อนข้างเห็นชัดเจนในการนำเสนอ

⦁คนที่คิดนโยบายให้นำไปสู่การปฏิบัติ ถ้ามีโอกาสจะต้องไปเป็นผู้ปฏิบัติด้วยหรือไม่

ไม่จำเป็น ในเมื่อความเป็นมาคิดดีทำดี คิดนโยบายดี ใครนำไปสู่การปฏิบัติเราพร้อมเป็นผู้มีส่วนร่วม ตัวผมไม่เคยพูดถึงเรื่องตำแหน่งอยู่แล้ว เราทำสิ่งที่ควรทำ ทำในสิ่งที่ปัจจุบันมีหน้าที่ต้องทำให้ได้ดีที่สุด

⦁รัฐบาลอยู่มาครบ 1 ปีแล้ว ถึงเวลาปรับเปลี่ยนโครงสร้างของรัฐบาล ตัวรัฐมนตรี ตามโควต้าของคนในพรรค จะทำให้เกิดปัญหาใหม่ในพรรคหรือไม่

ยังไม่เห็นว่ามีใครออกมาเรียกร้อง ณ ปัจจุบันนี้ ยังไม่เห็นสัญญาณว่าจะมีการปรับหรืออะไร แต่พูดกันไปเอง เพราะได้เปลี่ยนโครงสร้างของพรรค เมื่อการเปลี่ยนของโครงสร้างของพรรค ทุกสายก็มุ่งมองไปว่าน่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐมนตรี ตรงนั้นจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้น ไม่ใช่สิ่งที่เราคาดหวัง เพราะเป็นอำนาจของท่านนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว เราไม่เคยเข้าไปก้าวก่าย และไม่เคยคุยเรื่องพวกนี้ พร้อมทั้งไม่เคยส่งสัญญาณถึงท่านนายกรัฐมนตรีเลย เพียงแค่เป็นบริบททางการเมืองของพรรคเท่านั้นเอง

⦁ในส่วนของพรรคเป็นการเตรียมนโยบาย

ใช่ครับ เมื่อผมมาอยู่ตรงนี้ ได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้าพรรคให้มาทำงานตรงนี้ ต้องทำงานตรงนี้ให้สำเร็จลุล่วงให้ได้ในฐานะความเป็นพรรค

⦁ยกตัวอย่างการแก้ปัญหาปากท้อง หรือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่จับต้องได้

ขออุบไว้ก่อน ยืนยันว่าดีแน่ เป็นนโยบายที่ดี ตอบโจทย์ประเทศได้แน่นอน ผมมีความมั่นใจอย่างแรงกล้า

⦁มีการมองว่าจุดอ่อนของรัฐบาลชุดนี้คือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โครงสร้างใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ จะไปช่วยแก้จุดอ่อนให้รัฐบาลได้อย่างไร

ไม่ทราบว่าเป็นไง ไม่อยากไปวิเคราะห์วิจารณ์และคิดว่าตรงกระบวนการทางสังคมเป็นคนตัดสินอยู่ สังคมเป็นคนมอง สังคมที่ได้รับผลกระทบ หรือสังคมที่ได้รับการตอบโจทย์สังคมที่รับคำตอบจากการทำงาน เป็นเรื่องข้อมูลข้อเท็จจริงๆ ไม่จำเป็นต้องไปแตะต้อง แต่เมื่อได้รับฟังการสะท้อนจากประชาชนมาอยู่ในตัวพวกเรา ในฐานะตัวแทนถ้ามีปัญหาจะแก้ไขไหม เพราะเป็นผู้อาสาแก้ปัญหาของเขา อาสามาทำให้พี่น้องประชาชนกินดีอยู่ดี ถ้าไม่ทำ จะอาสาทำไม ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องพิจารณาตัวเอง ผมพิจารณาแน่นอนไม่ต้องห่วง ให้คำมั่นสัญญา ถ้าหากไม่สามารถทำปัญหาตอบโจทย์ให้กับพี่น้องประชาชนกินดีอยู่ดีได้ หรือประเทศมีความเข้มแข็งและเจริญได้ ในฐานะของคนทำงานยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง

⦁มีการตั้งเกณฑ์การประเมินการทำงานของตัวเองเอาไว้

ใช่ครับ ต้องสำเร็จเท่านั้น ถ้าไม่สำเร็จก็ต้องรับผิดชอบ ส่วนกรอบระยะเวลานั้น ถ้าในช่วงปีสองปีนี้ทำงานไม่ได้ หรือไม่เป็นมรรคเป็นผล ผมก็พิจารณาตัวเอง ยืนยันเลย รับรองได้ ผมเป็นนักการเมืองค่อนข้างตรงไปตรงมามาตลอดชีวิตที่ทำงานการเมือง

⦁อยู่เบื้องหลังมาตลอดวันนี้ออกมายืนข้างหน้าเต็มตัว

เมื่อก่อนพูดเสียงไม่ดัง แต่ตอนนี้พูดแล้วอาจจะมีเสียงหน่อย คิดว่าเสียงจะสะท้อนถึงความเป็นตัวตนและสะท้อนถึงการทำงาน สะท้อนสิ่งที่จะทำงาน สะท้อนถึงความเป็นตัวตนมุ่งมั่นมุ่งหมายสู่ความสำเร็จของงาน ในฐานะที่เป็นพรรคการเมือง

⦁มั่นใจว่าจะนำพรรคพลังประชารัฐกลับมาสู่ชัยชนะทางการเมืองได้อีกครั้ง

มั่นใจมาก มั่นใจมากว่าจะเป็นพรรคที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 ของประเทศ ด้วยผลงานของพรรค ด้วยนโยบาย ด้วยความมุ่งมั่นและจริงใจที่จะทำงาน ตอบโจทย์ของประเทศ ได้เห็นการทำงานของพวกเราแน่

⦁ถ้ามีโอกาสเข้าไปเป็นฝ่ายบริหาร สิ่งแรกที่จะขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจมีแนวทางอย่างไร

เอาเป็นว่ายังไม่ได้คิดตรงนั้น เรื่องจะเข้าไปเป็นผู้บริหารหรือไม่อย่างไร ก็คิดว่าถ้าเกิดว่ามีโอกาสเข้าไป มีความเชื่อมั่นว่ามีความรู้ความสามารถและความคิดอ่านที่ดี แล้วก็เป็นนักปฏิบัติ แล้วก็มีความมุ่งมั่นตอบโจทย์ให้ประเทศ ในทุกมิติ ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหน จะตอบโจทย์ได้จากการทำงาน จึงยังไม่ขอพูดเรื่องนี้เพราะยังเป็นเรื่องที่ห่างไกล

⦁จะทำงานเพื่อเชื่อมโยงสภากับฝ่ายบริหารให้ราบรื่นขึ้น

คิดว่าในอนาคตจะเป็นการเชื่อมโยงราบรื่นแน่นอน มีความเป็นพรรค มีความเป็นมืออาชีพ คิดแบบเป็นเอกภาพ มีหัวหน้าพรรคที่มีบารมีจะสร้างเสริมความเป็นเอกภาพได้ ก็คงส่งผลไปสู่การทำงานร่วมกับภาครัฐและเมื่อเข้มแข็ง คงสะท้อนปัญหาไปยังรัฐบาลจะมีความชัดเจนมากขึ้น ไม่ใช่ต่างคนต่างสะท้อนไป อาจจะไม่มีความชัดเจน คนนู้นอย่างนี้อย่างนั้น ต่อไปนี้จะมีความชัดเจนในการนำปัญหาต่างๆ มาแก้ไขร่วมกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image