เหตุใด ”ซูเปอร์โพล” จึงออกมาว่า หากมีการเลือกตั้งวันนี้พรรคก้าวไกลจะต้องได้รับเลือกอย่างชนิดถล่มทลาย กำชัยเหนือพรรคพลังประชารัฐ เหนือพรรคภูมิใจไทย เหนือพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งๆที่พรรคก้าวไกลซึ่ง ”อวตาร” มาจากพรรคอนาคตใหม่ซึ่งเพิ่งถูกไล่ทุบอย่างหนักหน่วง รุนแรงและแข็งกร้าวจาก ”องค์กรอิสระ”
ไม่ว่าจะเป็น ”กกต.” ไม่ว่าจะเป็น ”ศาลรัฐธรรมนูญ”
เป็นการรุกไล่อย่างเป็นระบบ อย่างเป็นกระบวนการนับแต่ผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ปรากฏออกมาว่ามีประชาชนให้ความไว้วางใจพรรคอนาคตใหม่มากกว่า 6 ล้าน
พรรคอนาคตใหม่กลายเป็นพรรคอันดับ 3 ต่อจากพรรคเพื่อไทย ต่อจากพรรคพลังประชารัฐ ทั้งๆที่เป็นพรรคซึ่งเพิ่งก่อรูปทางการเมืองขึ้นในเดือนมีนาคม 2561
สามารถได้รับความไว้วางใจเหนือกว่าพรรคภูมิใจไทย เหนือกว่าพรรคประชาธิปัตย์
ความสำเร็จของพรรคอนาคตใหม่นั้นเองที่กลายเป็นอันตราย
เป้าหมายของยุทธการนับแต่เดือนมีนาคม 2562 เป็นต้นมา คือการบดขยี้และทำลายพรรคอนาคตใหม่ ทำลาย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทำลาย นายปิยบุตร แสงกนกกุล
อย่างแรกสุดก็คือ การไม่ยอมให้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ทำหน้าที่ ส.ส.ทั้งๆที่ได้รับเลือกด้วยคะแนนนิยมสูงสุด
ขั้นต่อมาคือการหาทุกหนทางเพื่อยุบพรรคอนาคตใหม่
ตั้งความหวังว่าหากยุบพรรคอนาคตใหม่ หากตัดสิทธิทางการเมืองคณะกรรมการบริหารซึ่งรวมถึง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล แล้ว ทุกอย่างจะจบ
ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรตลอด 3 วันเพื่อพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 เด่นชัดว่าเป้าหมายในการบดขยี้และทำลายพรรคอนาคตใหม่ล้มเหลว
ไม่เพียงแต่พรรคก้าวไกลยังแสดงบทบาทโดดเด่นหากโอกาสที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะเดินเข้าไปในสภาอีกครั้งมีสูงอย่างสูงยิ่ง
เป็นบทบาทในฐานะ ”กรรมาธิการ” วิสามัญ
ยิ่งกว่านั้น พรรคก้าวไกลยังสร้างความโดดเด่นสร้างมิติใหม่ให้กับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรด้วยฐานทางวิชาการอันหนักแน่นจริงจัง กลายเป็นคะแนนและความนิยม ณ เบื้องหน้าประชาชน
กระทั่งผลการสำรวจโพลยืนยันออกมาว่า หากมีการเลือกตั้ง ณ วันนี้ ชัยชนะของพรรคก้าวไกลจะได้มาอย่างถล่มทลาย