นักวิชาการถอดรหัส ‘ก้าวไกล’เข้าวินที่1 หากเลือกตั้งวันนี้

หมายเหตุความเห็นนักวิชาการกรณีสำนักวิจัยซูเปอร์โพลเผยผลสำรวจ เรื่อง “ถ้าวันนี้เลือกตั้งพรรคใดชนะ” ปรากฏว่าจะเลือกพรรคก้าวไกลเพิ่มขึ้น ขณะที่เสียงส่วนใหญ่ยังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในการแก้ปัญหาวิกฤตต่างๆ รวมถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า จะส่งคนลงเลือกตั้งท้องถิ่น

สุขุม นวลสกุล
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์

ยอมรับว่าแปลกใจผลสำรวจของซูเปอร์โพล ไม่ต้องการให้มีการปรับ ครม. แถมมีผลความนิยมของพรรคก้าวไกลมากกว่าพรรคอื่น ทั้งที่เดิมผลโพลที่สำนักนี้นำมาเผยแพร่ส่วนใหญ่จะเป็นประโยชน์กับรัฐบาล แต่ถ้าหากสำรวจทั่วถึงจริงๆ ไม่มีอะไรแอบแฝงแสดงว่าประชาชนชื่นชอบการทำหน้าที่ของนักการเมืองรุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันอาจจะเบื่อหน่ายบรรดา ส.ส.หน้าเก่าบางส่วนในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่จัดอยู่ในประเภทเขี้ยวลากดิน

สำหรับคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ออกไปทำกิจกรรมเลือกตั้งท้องถิ่น เชื่อว่าอาจเป็นการลองของ ทั้งที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง แต่ยังหาช่องทางในการทำงานที่ไม่ผิดกฎหมาย ทำในสิ่งที่กฎหมายไม่ได้ห้าม สามารถสนับสนุนหรือเสนอแนวทางการทำงานการเมืองท้องถิ่นได้ เพราะฉะนั้นจะต้องดูว่าหลังจากนี้กลุ่มอนุรักษนิยมจะทำอะไรกับนายธนาธรได้อีก และการทำกิจกรรมต่อเนื่องสามารถชิงพื้นที่สื่อได้พอสมควร อาจจะถูกใจคนรุ่นใหม่มากขึ้น

Advertisement

ขณะนี้ทุกฝ่ายจับตาการเสนอตัวทำงานการเมืองท้องถิ่นของนายธนาธร อาจจะมีวิธีคิดและแนวทางที่แปลกใหม่ที่คู่แข่งคาดไม่ถึง เช่นเดียวกับการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่ผ่านมา ทำให้พรรคอนาคตใหม่มี ส.ส.หน้าใหม่ทั้งหมด ดังนั้น หากมีการเลือกตั้งท้องถิ่นเกิดขึ้นต้องรอให้ทีมของนายธนาธรทำงานให้เต็มที่แล้วรอชมผลงานว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงเหมือนระดับชาติหรือไม่ สามารถล้มตระกูลการเมืองเก่า เจ้าถิ่น เจ้าบุญทุ่ม ที่ผูกขาดเก้าอี้มายาวนานได้หรือไม่ ถือว่าเป็นสีสันที่ดีมีทางเลือกให้ประชาชนตัดสินใจมากกว่าในอดีต

ส่วนนายธนาธรจะเจอกับอะไรบ้างในสนามเลือกตั้งท้องถิ่นไม่ต้องไปกังวล เชื่อว่าน่าจะมีการเสนอแนวทางบางเรื่องที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่มีบริบทของท้องถิ่นที่แตกต่างกัน แม้ว่าการเมืองท้องถิ่นในประเทศยังไม่มีความก้าวหน้าในการกระจายอำนาจจากระบบรัฐรวมศูนย์

การออกมาเคลื่อนไหวของนายธนาธรเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นถือว่าเป็นการสะกิดให้ผู้มีอำนาจอย่าทำเฉย อย่าทำให้การเมืองท้องถิ่นดูเหมือนไม่มีอนาคต แม้ว่าวันนี้ยังไม่มีการประกาศเวลาที่ชัดเจนในการเลือกตั้งท้องถิ่นแต่ละประเภท แต่หลายฝ่ายออกมาทำกิจกรรมโยนหินถามทางไปเรื่อยๆ

Advertisement

ฐิติพล ภักดีวานิช
คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

โพลดังกล่าวไม่น่าจะสะท้อนเรื่องทีมเศรษฐกิจใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อย่างเดียว แต่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและความพึงพอใจในตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ รวมถึงรัฐบาล ในด้านการบริหารงานและการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

หากเราดูความเปลี่ยนแปลงของการเมืองทั้งระดับประเทศและท้องถิ่นจะพบว่าประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลง คนรุ่นใหม่ที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงก็มีอายุน้อยลง ซึ่งจะมีวิธีคิดต่างจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งหน้าเดิม ดังนั้น จึงเป็นไปได้ที่คณะก้าวหน้าน่าจะได้คะแนนจากการเลือกตั้งท้องถิ่นพอสมควร

เมื่อดูจากการอภิปรายในรัฐสภาจะพบว่าพรรคก้าวไกลพยายามสะท้อนปัญหาที่ไม่มีใครแตะ เช่น งบประมาณของกระทรวงกลาโหม เป็นพรรคที่มีความชัดเจน รวมทั้งคณะก้าวหน้าเองก็สามารถเป็นพลังสะท้อนความเปลี่ยนแปลงได้ โดยกลุ่มคนในท้องถิ่นที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงอาจมองคณะนี้เป็นตัวเลือกใหม่ในการเลือกตั้ง

คิดว่าตอนนี้รัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดการเลือกตั้งท้องถิ่น สะท้อนถึงการสั่นคลอนอำนาจ ความไม่มั่นใจของพรรคทหารที่จะชนะในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น หากดูจากการจัดสรรงบประมาณระดับท้องถิ่นแก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็พยายามใช้กลไกรัฐสร้างคะแนนนิยม คิดว่ารัฐบาลพยายามยื้อให้เกิดขึ้นช้าที่สุดเท่าที่จะช้าได้

ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

ซูเปอร์โพลค่อนข้างเกาะติดความเคลื่อนไหวการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยเฉพาะข่าวสัญญาณปรับ ครม. ทิศทางดูเหมือนว่าซูเปอร์โพลจะเอื้อให้เกิดบรรยากาศไม่เห็นคล้อยตามในการปรับ ครม.

เป็นเครื่องมือรองรับความชอบธรรมอย่างหนึ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเลื่อนเวลาการปรับ ครม.ออกไป โดยใช้ซูเปอร์โพลเป็นส่วนหนึ่งของการอ้างอิง เพราะยังอยู่ในเงื่อนไขการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2564

การออกมาของซูเปอร์โพลครั้งนี้ถือว่าเหมาะกับเวลาอย่างมาก แน่นอนว่าไม่มีทางเลือกหรือตัวช่วยใดที่จะเอื้อให้การปรับ ครม.เลื่อนไปก่อน จึงต้องกลับไปสำรวจอีกครั้งว่าสังคมเกิดความไม่พอใจกับการเมืองที่นายกฯพยายามจะบอกว่า การเมืองต้องปรับตัวเข้าสู่นิว นอร์มอล แต่พฤติกรรมของนักการเมืองไม่ต่างอะไรกับการกลับไปสู่โอลด์ นอร์มอล

นี่คือปัจจัยที่ส่งผลให้คะแนนนิยมตกลงอย่างมีนัยสำคัญ อันเกิดจากความไม่สบายใจของผู้คนในสังคม ที่มองว่า พปชร.เป็นพรรคแกนนำรัฐบาลแท้ๆ แต่ดันมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันภายใน เช่นเดียวกับ ปชป.ที่กล่าวอ้างสรรพคุณของตนเองตลอดเวลาว่าคือสถาบันพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุด แต่ไม่ได้ทำตัวให้เป็นที่พึ่งพิงให้กับประชาชนได้อย่างในอดีต นี่คือสัญญาณเตือนให้กับพรรคการเมืองทั้งสอง

ส่วนตัวมองว่าคุณนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล ต้องการจะให้เห็นว่าการเมืองไทยอย่าไปยึดติดกลุ่มเครือข่ายทางการเมืองรูปแบบเก่า เพราะไม่สามารถสร้างความหวังหรือมิติใหม่ทางการเมืองไทยได้ เราปฏิเสธไม่ได้ว่า 3 ป. ยังต้องพึ่งพาเครือข่ายวัฒนธรรมการเมืองแบบเดิม ด้วยระบบพวกพ้อง ด้วยจำนวนเสียงที่นั่งที่ได้รับการเลือกตั้งมา

คุณนพดลหวังปลุกกระแสให้คนในสังคมออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ออกมาสะท้อนเหมือนกรณีโยนก้อนหินถามทางในสัปดาห์ที่ผ่านมาของคุณอนุชา นาคาศัย เลขาธิการ พปชร. ที่โยนคุณนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พปชร. จะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ นี่คือสิ่งสะท้อนว่าสังคมส่วนใหญ่ติดตามเฝ้ามองและคาดหวังต่อการเมืองในระดับที่สูงขึ้น หากมีคณะบุคคลที่สังคมเกิดความไม่สบายใจ สังคมจะออกมารวมตัวต่อต้านหรือแสดงความไม่พอใจทันที

สิ่งที่คุณนพดลพูดมาเริ่มมีน้ำหนักให้เห็นแล้วว่าสังคมไทยไม่เหมือนเดิม จริงอยู่ว่าการเมืองยังคาดหวังต่อจำนวนที่นั่ง การรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ใช่ นั่นเป็นสิ่งจำเป็น แต่ขณะเดียวกันก็ต้องรับฟังเสียงของสังคมมากขึ้นด้วย

ด้านฟากฝั่งคณะก้าวหน้าที่คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประกาศนำเลือกตั้งท้องถิ่นนั้น ต้องรอดูความชัดเจนรายละเอียดผู้สมัคร และนโยบายการหาเสียงที่จะออกมา โดยเฉพาะการวางยุทธศาสตร์เชิงรุก ที่พรรคก้าวไกลซึ่งถอดร่างมาจากพรรคอนาคตใหม่ มีความตั้งใจ มุ่งมั่นต่อการเจาะพื้นที่สนามเลือกตั้งท้องถิ่นมานานแล้ว เป็นศาสตร์แห่งการสะสมกำลังทางยุทธศาสตร์เชิงรุกแบบค่อยเป็นค่อยไป

ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณธนาธร หรือแกนนำในพรรคอนาคตใหม่ ไม่สามารถตัดขาดจากพรรคก้าวไกลได้ อาจต้องโดนการลองของ กลายเป็นหมู่บ้านกระสุนตกอีกครั้งว่าในเมื่อถูกตัดสิทธิทางการเมืองแล้ว แต่เหตุใดยังวางตนเองอยู่ในพื้นที่เคลื่อนไหวทางการเมือง เหมือนชี้นำพรรคการเมืองใหม่ภายใต้การนำของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ทำไมคุณธนาธรยังมีบทบาทนำเช่นนี้ จะเป็นการเรียกแขกที่ไม่ชอบคุณธนาธรให้มาทัวร์ลงว่าบทเรียนที่เคยเกิดขึ้นในนามพรรคอนาคตใหม่ เปิดการ์ดให้ฝ่ายตรงข้ามหาช่องทางเล่นงานเอาผิดกับคุณธนาธรและพรรคพวกได้

ต้องถามว่า คุณธนาธรมีการ์ดป้องกันแล้วหรือยัง เพราะคงไม่มีใครที่ปล่อยโอกาสนี้ให้กับคุณธนาธรได้โลดแล่นทางการเมืองแบบอิสระได้ต่อไป

นายชัยธวัช เสาวพนธ์
นักวิชาการอิสระ

กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า ประกาศชิงเลือกตั้งท้องถิ่น เป็นแนวคิดที่ดีและสร้างสรรค์ แต่การเลือกตั้งท้องถิ่นประชาชนนิยมเลือกตัวบุคคลมากกว่าพรรค เนื่องจากมีความใกล้ชิด ผูกพัน และช่วยเหลือกันมาก่อน

หากคณะก้าวหน้าอยากลงการเมืองท้องถิ่นควรวางยุทธศาสตร์และแผนงานที่ชัดเจน ไม่ควรนำพรรคการเมืองมาเกี่ยวข้อง ควรเป็นกลุ่มการท้องถิ่นที่บริหารจัดการด้วยตนเอง เป็นอิสระไม่ถูกชี้นำจากพรรคการเมือง ที่สำคัญต้องวางรากฐานพัฒนาเป็น 10 ปี ถึงประสบความสำเร็จได้ หากใช้เวลาสั้นๆ เชื่อว่าคงเป็นไปได้ยาก ไม่เหมือนกับพรรคอนาคตใหม่ ที่ประสบความสำเร็จระดับชาติที่คนรุ่นใหม่สนับสนุนมาแล้ว เพราะเลือกตั้งท้องถิ่นมีปัจจัยแตกต่าง ผู้นำชุมชน กลุ่มสตรี กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) มีบทบาทสำคัญเลือกตั้งท้องถิ่นมากกว่าระดับชาติ

หากคณะก้าวหน้าอยากประสบความสำเร็จเลือกตั้งท้องถิ่น ต้องชูนโยบายจังหวัดปกครองตนเอง และขยายฐานสมาชิกระดับล่าง ที่สำคัญต้องกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นเพื่อพึ่งพาตนเองแบบยั่งยืน

โอกาสที่คณะก้าวหน้าจะประสบความสำเร็จเลือกตั้งท้องถิ่น คือการเลือกตั้ง อบจ. ที่สามารถอิงนโยบายพรรคได้ ไม่ลงลึกระดับเทศบาล และ อบต.เพราะใช้เวลานาน สิ้นเปลืองเวลาและทรัพยากร ที่ผ่านมาหลายพรรคการเมืองไม่ประสบผลสำเร็จในเลือกตั้งท้องถิ่นเพราะชาวบ้านเลือกตัวบุคคล ไม่ใช่พรรค ดังนั้น นโยบายพรรคไม่สามารถใช้กับท้องถิ่นได้

ส่วนกรณีที่โพลระบุว่าพรรคก้าวไกลมีคะแนนนิยมมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจากผลงานเดิมของพรรคอนาคตใหม่ เพราะมีนโยบายที่โดนใจประชาชน และทำหน้าที่ในสภาได้อย่างเข้มแข็ง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พรรคก้าวไกล มีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นตามลำดับ เพราะประชาชนเบื่อการเมืองแบบเก่าและอยากเห็นประเทศเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีทุกๆ ด้าน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image