‘มาร์ค’ ชี้ ‘บิ๊กตู่’ ปรับครม.โจทย์ยาก แนะดึงคนเก่งกู้วิกฤต ‘หมอเลี้ยบ’ มองอนาคตศก.อยู่ในมือ ‘นายกฯ’ ต้องผ่าใหญ่ กระตุ้น รมต.ตื่นตัวทำงาน

‘มาร์ค’ ชี้ ‘บิ๊กตู่’ ปรับครม.โจทย์ยาก แนะดึงคนเก่งกู้วิกฤต ‘หมอเลี้ยบ’ มองอนาคตศก.อยู่ในมือ ‘นายกฯ’ ต้องผ่าใหญ่ กระตุ้น รมต.ตื่นตัวทำงาน

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์แนะนำการปรับครม.ในฐานะเป็นอดีตนายกฯเพื่อแก้วิกฤตใหญ่ของประเทศต้องยึดหลักอะไรบ้าง ว่า โจทย์วันนี้ยากกว่าในหลายยุคหลายสมัยที่ผ่านมา จำเป็นต้องเอาคนที่มีความพร้อมจริงๆ และสร้างความเชื่อมั่นได้ โดยอะไรที่เป็นเงื่อนไขของความไม่แน่นอน หรือทำให้คนไม่มั่นใจ ต้องขจัดออกไปออกไปให้เร็วที่สุดก็ดีที่สุด ส่วนเงื่อนไขที่เกิดจากโควต้าต่างๆของพรรคการเมืองนั้น คิดว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของนายกฯ ต้องทำให้เสร็จให้เร็วเพื่อให้เกิดความชัดเจน ถ้าจะไม่ปรับก็บอกไปเลยว่า ไม่ปรับ จะได้จบเพื่อให้ทุกคนทำงาน คนที่เกี่ยวข้องจะได้มีความมั่นใจว่าใครจะรับผิดชอบงานอะไรต่อไป

ขณะที่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี สมาชิกกลุ่มแคร์ มองว่า ไม่ได้คาดหวังกับครม.เศรษฐกิจที่จะเข้ามา เพราะว่าสุดท้ายแล้วอนาคตเศรษฐกิจของไทยจะเป็นอย่างไร อยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะท่านเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ในเรื่องของการเตรียมรับมือกับมหาวิกฤตเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ มันเป็นเรื่องที่ไม่เหมือนกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งก่อนๆ ที่เป็นเรื่องของปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่ในครั้งนี้เป็นวิกฤตเศรษฐกิจที่ผูกพันกับวิกฤตสุขภาพ คือ ไวรัสโควิด-19 ด้วย ฉะนั้นความสมดุลย์ของการจัดการเรื่องโควิด-19 กับการฟื้นฟู และกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือแม้แต่การทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ คนตัดสินใจไม่ใช่อยู่ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หรือแม้แต่รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ แต่อยู่ที่ตัวนายกรัฐมนตรี ท่านต้องชั่งน้ำหนักว่า จะฟังแพทย์ที่บอกว่าให้ปิดประเทศต่อไป ให้กลัวต่อไป หรือสนใจที่จะฟังคนที่ให้ข้อมูลเรื่องเศรษฐกิจว่าจะต้องกระตุ้นต่อไปอย่างไร

” ตนคิดว่าประเด็นนี้ทำให้คนที่ถูกทาบทามให้มาเป็นรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต้องคิดหนักว่า ตัวเองจะมีบทบาทอย่างไรในการที่จะสามารถเข้ามาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ เพราะว่าความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง แต่อยู่ที่ตัวนายกฯ ”

นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ” แม้แต่ทีมเศรษฐกิจที่อยู่ในปัจจุบันและมีข่าวว่ากำลังจะถูกปรับออก ก็ต้องยอมรับว่า ชื่อชั้นทางเศรษฐกิจก็ไม่ธรรมดา แต่การรับมือเศรษฐกิจในช่วง 2-3 ปี ก็ยังไม่สามารถจะทำได้อย่างที่เขาอยากจะเห็น ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงมือเศรษฐกิจที่จะเข้ามา ที่มีชื่อชั้นด้อยกว่าและประสบการณ์น้อยกว่า การมารับผิดชอบเศรษฐกิจในช่วงต่อไปคงน่าจะยากมาก เมื่อถามว่าควรจะปรับครม. หรือไม่ ก็ต้องย้อนกลับไปในช่วงรัฐบาลยุคพรรคไทยรักไทย ที่ปรับครม. ทุก 6 เดือน หากรัฐมนตรีคนไหนทำงานไม่เข้าเป้า หรือบรรลุผลที่ตั้งไว้ก็ถูกปรับออกเป็นเรื่องปกติธรรมดา ฉะนั้นรัฐมนตรีแต่ละคนจึงต้องทำงานเอาจริงเอาจัง วิ่งสู้ฟัดชนิดที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย “

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image