นายกฯ เป็นสักขีพยานลงนามความร่วมมือBCG โมเดล แนะทุกฝ่ายปรับตัวในโลกยุคใหม่ พร้อมขับเคลื่อนนโยบาย สอดคล้องรัฐบาลนิวนอร์มอล กำชับใช้เม็ดเงินทุกก้อนสนองประชาชนไม่ใช่แค่บริหารให้หมดๆไป ลั่น ติดตามเองทุกโครงการ
เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือโครงการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว(BCG โมเดล) สร้างความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน พร้อมด้วยนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และผู้บริหารหน่วยงานเข้าร่วม ทั้งนี้การลงนามดังกล่าวเป็นความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐเอกชนและสถาบันการเงินจำนวน 18 หน่วยงาน
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปาฐกถาในการประชุม “สมัชชา BCG: ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” ตอนหนึ่งว่า วันนี้ยินดีและเป็นเกียรติที่ได้พบปะทุกคนทั้งภาครัฐ ราชการ ผู้นำภาคธุรกิจ เอกชนและประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่ได้มาทำงานร่วมกันในBCG โมเดล วันนี้ทุกคนทราบดีจากหนังสือของนายสุวิทย์ เรื่องโลกเปลี่ยนเราต้องปรับ ซึ่งเรามีศักยภาพมากมายทั้งด้านอาหาร เกษตร การท่องเที่ยว การแพทย์และการบริการ มีอาหารอร่อย ธรรมชาติสวยงามและมีรอยยิ้มสยาม แต่สิ่งเหล่ากลับถูกแทรกด้วยปัญหาอื่นๆ โดยเฉพาะวันนี้มีโควิดเข้ามา อย่างไรก็ตามหวังว่าBCG โมเดลนี้ เป็นโอกาสอันดีรับฟังแนวคิดซึ่งกันและกันให้ทุกส่วนมีส่วนร่วม โดยต้องดูต้นทาง ปลายทาง และกลาง ทางว่าใครจะขับเคลื่อนตรงไหน กลไกเป็นอย่างไรไม่เช่นนั้นไม่สำเร็จสักอันเพราะเป้าหมายมีเยอะ สิ่งสำคัญที่สุดขอให้ไปเปิดดูข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยทั้ง 77 จังหวัดว่าท้ายตารางที่รายได้แทบไม่มีเลยมีจังหวัดอะไรบ้าง เพราะไม่มีอาชีพ รวมถึงจังหวัดที่ทำการเกษตร หากเกษตรแบบทฤษฎีใหม่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมีมูลค่ามากขึ้นปัญหา แต่วันนี้ใช้พื้นที่มากแต่ผลผลิตน้อย ทำให้ต้องขยายพื้นที่เพื่อให้ได้ผลประโยชน์มากขึ้น แต่ก็มีปัญหาเรื่องน้ำ วันนี้พยายามบริหารจัดการน้ำให้ดีที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ตนอยากให้ทำBCG โมเดล นี้ให้เป็นเรื่องเป็นราวและนำมาขับเคลื่อนให้เป็นนโยบาย ซึ่งวันนี้สอดคล้องกับรัฐบาลนิวนอร์มอลด้วย ไม่ใช่ทำเพียงโครงการใดโครงการหนึ่ง แต่ต้องทำในลักษณะครบองค์รวม รวมทั้งมีหลักคิดมายด์เซท บูรณาการขับเคลื่อนประเมินผล หรือทางทหารเรียกว่าวางแผนย้อนกลับจากที่หมายสู่ที่ตั้ง โดยต้องมองว่าปัญหาระหว่างทางคืออะไรบ้าง ไม่ใช่คิดแค่โครงการแล้วเดินหน้าไปเรื่อยถูกสกัดก็ไม่ถึงเป้าหมายสักที และตนมีความเป็นห่วงชีวิตประชาชนในช่วงต่อจากนี้ที่เราจะเป็นโลกยุคใหม่ โลกเทคโนโลยี และโลกดิจิทัลที่มีบางส่วนยังเข้าไม่ถึง ดังนั้นส่วนราชการต้องทำเทคโนโลยีดิจิทัลให้คนเข้าถึงให้ได้ ไม่ใช่เพื่อคนใดคนหนึ่งต้องทำเพื่อคนทั้งประเทศ ส่วนไหนต้องเร่งทำก่อนต้องจัดสรรให้เหมาะสมเพราะมีงบฯและค่าใช้จ่ายจำนวนมาก หลายกระทรวงต้องการเม็ดเงินไปบริหาร ดังนั้นเม็ดเงินแต่ละก้อนต้องตอบสนองประชาชน ไม่ใช่เพียงบริหารให้หมดๆ ไป ตนจะติดตามทุกโครงการ
นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้โลกใบเดียวมีหลายมหาอำนาจ เราต้องรักษาสมดุลให้ได้ ย้ำว่าทุกประเทศไม่ได้รังเกียจประเทศไทย แต่เราต้องยึดโยงตลาดโลกด้วย หากพังก็จะพังกันทั้งหมด วันนี้ทุกประเทศได้รับผลกระทบจากโควิด ดังนั้นต้องรักษาวินัยเอาใจใส่ และเห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้วย อย่าคอยให้เจ้าหน้าที่มาห้ามหรือมาจับ อย่าเป็นฝ่ายรับอย่างเดียวต้องให้ความร่วมมือกันด้วย ลดการใช้กฎหมาย เพราะทุกคนไม่ชอบกฎหมาย แต่กฎหมายเป็นสิ่งทำให้เท่าเทียมกันหากทำผิดก็ผิดเหมือนกันเป็นสิ่งที่ตนยืนยันมาตลอด
นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ต้องทำงบประมาณให้ตรงความต้องการของประชาชน พร้อมมีตรวจสอบการทุจริต ข้อสำคัญการมีส่วนร่วมประชาชนต้องทำให้ประชาชนเข้าใจให้ได้ วันนี้ยังมีระยะห่างระหว่างข้าราชการประชาชน ซึ่งต้องลงไปพบประชาชนในพื้นที่และรายงานนายขึ้นมา ถ้านายไม่ทำรายงานมาถึงตน ที่ผ่านมาได้ทำให้หลายที่ ทั้งที่บางเรื่องไม่ควรถึงตนก็ต้องถึง ดังนั้นต้องไม่ทำงานบนโต๊ะอย่างเดียว นอกจากนี้ขอให้ทำโครงการให้เป็นผลสำเร็จ เพื่อเป็นเกียรติต่อตนเอง ซึ่งเกียรติเป็นสิ่งที่คนอื่นยกให้เรา เหมือนเป็นนายกฯ ก็เป็นไปแต่ถ้าคนไม่ให้เกียรติก็คือไม่ให้เกียรติ เพราะเกียรติเป็นสิ่งที่คนอื่นยกให้ แต่ยืนยันตนพยายามทำทุกอย่างให้สำเร็จ ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อทุกคน นอกจากนี้การพลิกฟื้นหรือทำอะไรต่างๆ ขออย่าใจร้อน เพราะหากใจร้อนมากทำไม่ได้ หรือหวือหวาก็ทำไม่เสร็จทำไม่ได้และทิ้งกลางคัน บางงานเปิดสวยหรูแต่สุดท้ายไม่ได้ประโยชน์