INDEX สัญญาณ ชี้ไปที่ กระทรวงพลังงาน สัญญาณ วัดพลัง นายกฯประยุทธ์
พลันที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งใน คณะรัฐมนตรี
ไม่เพียงแต่ 1 สัญญาณแห่งการปรับครม.มีอัตรา “เร่ง” เร้าขึ้นในอัตราที่สูงเป็นอย่างยิ่ง
หากแต่ 1 อำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะน้อยลง
ความหมายในเรื่องแห่ง “อำนาจ” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในที่นี้มิได้หมายความว่า “ไม่มี” แต่เด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับว่าเป็นการมีในลักษณะอันถดถอย
ถดถอยเหมือนกับที่จำเป็นต้องออกปากผ่าน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ให้แจ้งต่อ “กลุ่ม 4 กุมาร” ว่าควรจะทำอย่างไร
รูปธรรมก็คือ การยื่นใบลาออกโดยพร้อมเพรียงกัน
สะท้อนออกอย่างเป็นรูปธรรมว่าที่หวังจะพึ่งร่มเงา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เหมือนก่อนนั้นเริ่มเป็นไปได้ยาก
เป็นไปได้ยากเหมือนกับการแหย่ไปยัง “กระทรวงพลังงาน”
ปฏิบัติการปล่อยข่าวว่า นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร จะควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีควบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน คือปฏิบัติการประลองกำลังกันยกใหม่
ด้านหนึ่ง เหมือนกับจะยืนยันอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในสถานะแห่ง “นายกรัฐมนตรี”
ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่ง ต้องการทะลวงเข้าไปภายในพรรคพลังประชารัฐว่าจะยังดำรงจุดมุ่งหมายให้ถือว่ากระทรวงพลังงานเป็นโควต้าของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่
ปฏิบัติการครั้งนี้ดำเนินตามกลยุทธ์ IO โดยจงใจให้ “หลุด” ออกมาจาก “ภายใน” พรรคพลังประชารัฐ
ขอให้สังเกตจากแต่ละถ้อยคำของ นายอนุชา นาคาศัย
“ข่าวที่ออกมา เชื่อว่าแกนนำคนหนึ่งของพรรคเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและเป็นการชกใต้เข็มขัดที่ไม่สมศักดิ์ศรีที่ปล่อยข่าวนี้ออกมา”
อย่าลืมว่า นายอนุชา นาคาศัย เป็น “เลขาธิการพรรค”
ไม่ว่า “แกนนำ” ที่ปล่อยข่าวกรณี นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ให้ “หลุด” ออกมาจะเป็นใคร
แต่นี่คือ “สัญญาณ” ใหม่ในทางการเมือง
เป็นสัญญาณอันไม่เพียงบ่งบอกถึงบทบาทและความสำคัญของกระทรวงพลังงาน หากแต่ยังบ่งบอกให้เห็นถึงแนวโน้มแห่งความขัดแย้งแตกแยกที่จะตามมาอีกระลอกหนึ่ง
คราวนี้เห็นชัดว่าต้องการตรวจสอบว่า “อำนาจ” ของ พล.อ.ประ ยุทธ์จันทร์โอชา ในการปรับครม.ยังแข็งแกร่งและมั่นคงอยู่หรือไม่
