วง ‘สามัญชน’ ครวญเพลง เวทีปราศรัย ลั่น คนธรรมดาจะล้มเผด็จการ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มเยาวชนปลดแอก – FreeYouth และสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) จัดกิจกรรม “ไม่ทนอีกต่อไป” โดยระบุว่า เป็นการชุมนุมเพื่อขจัดต้นตอของปัญหา ถอนโคนเผด็จการที่ฝังรากลึกมายาวนาน ผู้สื่อข่าวรายงาน มีประชาชนสวมใส่เสื้อสีดำ เดินทางมาร่วมชุมนุมอย่างเนืองแน่นจนเต็มท้องถนน
โดยเวลา 19.15 น. นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน นักกิจกรรมทางการเมือง กล่าวว่า วันนี้ผมไม่ฮา วันนี้จริงจัง เพราะเราทนมานานแล้ว ชีวิตเราจะดีกว่านี้ได้ รัฐบาลนี้มาด้วยการร่างกติกาเอง โกงมาเอง แค่เปลี่ยนจากประยุทธ์ 1 เป็นประยุทธ์ 2 เหมือนจะมีประชาธิปไตยแต่ไม่มี ประชาธิไตยก็คือประชาธิปไตย ไม่มีหรอก ประชาธิปไตยแบบไทยๆ
“เราไม่พร้อมแต่คนที่แอ๊กทีฟสุดคือตำรวจ เขาไม่ได้มาปกป้องประชาธิปไตย แต่มาขวางทางประชาธิปไตย ทำไมต้องมาจัดต้นไม้วันนี้ จัดต้นไม้ให้คนเข้าไม่ถึงประชาธิปไตย แต่ความจริงไม่ได้สวย เอาต้นไม้มาวาง มันจอมปลอม ประชาธิปไตยที่แท้จริงคนต้องเข้าถึง วันนี้เราจะมาทวงคืน”
จากนั้นมีการตะโกน “พี่น้องเอ๋ย ประยุทธ์ ออกไป ประวิทย์ ออกไป คสช.ออกไป พปชร.ออกไป ผลพวงเผด็จการทั้งหลายออกไป”
“โควิดหยุด แต่นโยบายรัฐที่เอาเปรียบประชาชนไม่หยุด เปลี่ยนพื้นที่อีสาน 6 ล้านไร่เป็นพื้นที่ปลูกอ้อย โควิดหยุด แต่รัฐบาลกับนายทุนไม่หยุด” นายจตุภัทร์กล่าว
นายจตุภัทร์กล่าวต่อว่า ตลอด 6 ปี ทุกคนสู้ และยังสู้มาหลายรอบ นี่คือของจริง พวกเราคนธรรมดา ประชาชนทั้งหลายจะเป็นคนล้มเผด็จการทหารเอง มันคือภารกิจของพวกเราทุกคน จะปล่อยให้ลูกหลานมาเจออะไรแบบนี้หรือ แป้งมัน นาฬิกายืม อะไรที่ไม่มีตรรกะในสังคม กระบวนการไม่มีมาตรฐาน กฎหมายที่ออกมาจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน “พวกเราไม่กลัวโควิด กลัวไม่ได้ออกมาที่นี่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่กลัว กลัวอดตาย ไม่เสียสละ ชัยชนะไม่เกิด ถ้าไม่ออกมาจะมีวันนี้ไหม จะล้มเผด็จการได้หรือไม่” นายจตุภัทร์ระบุ
จากนั้นประชาชนตะโกนพร้อมกันว่า “ออกมา ออกมา ออกมา”
นายจตุภัทร์กล่าวต่อว่า ออกมาช่วยกัน และหันมอง คุกขังได้ 4 แสนคน ขังไม่หมดหรอก อย่าไปกลัว ใครกลัว พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พวกเราต้องล้ม พ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อน เพราะไม่ได้ออกมาแก้โควิด แต่ออกมาแก้พวกเรา นี่ไม่ใช่กฎหมาย คณะรัฐบาลไม่เคยเคารพกฎหมาย อย่าพูดว่าเราไม่เคารพกฎหมาย
จากนั้นเป็นการแสดงดนตรีโดยวงสามัญชน เริ่มด้วยเพลง “ถั่งโถมโหมแรงไฟ” ของคาราวาน และต่อด้วย “บทเพลงของสามัญชน”
