‘เยาวชนปลดแอก’ อ่านแถลงการณ์ ขออนาคตที่ดี ให้เวลารัฐบาล 2 สัปดาห์ ไม่ขยับ ขู่ยกระดับการชุมนุม

‘เยาวชนปลดแอก’ อ่านแถลงการณ์ ขออนาคตที่ดี ให้เวลารัฐบาล 2 สัปดาห์ ไม่ขยับ ขู่ยกระดับการชุมนุม

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มเยาวชนปลดแอก – FreeYouth และสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) จัดกิจกรรม “ไม่ทนอีกต่อไป” เพื่อขจัดต้นตอของปัญหา ถอนโคนเผด็จการที่ฝังรากลึกมายาวนาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนสวมใส่เสื้อสีดำ เดินทางมาร่วมชุมนุมอย่างเนืองแน่นจนเต็มท้องถนน

โดยเวลา 18.40 น. ตัวแทนกลุ่มเยาวชนปลดแอกขึ้นอ่าน แถลงการณ์ เพื่อแสดงจุดยืนเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตยที่เต็มใบ ดังนี้

เรามาเพื่อจะพัฒนาประเทศนี้ไปด้วยกัน แต่ในประเทศที่ห้ามพัฒนาเช่นนี้ แม้แต่สิ่งที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่สุดอย่างการเรียกร้องความยุติธรรมกลับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างยากยิ่ง สิ่งที่พวกเราเรียกร้องในวันนี้ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าขออนาคตที่ดีให้พวกเราเยาวชน ขอรัฐบาลที่ฟังเสียงประชาชนและมาจากประชาชน ขอรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และขอประเทศที่เป็นขอฃประชาชน อนาคตของประเทศไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ประชาชน แต่ถ้าประชานยิ่งเงียบ ยิ่งเราหวาดกลัว เราจะตกอยู่ภายใต้ความมืดมิดชั่วลูกชั่วหลาน ยิ่งเราปล่อยให้เป็นเช่นนี้นานเท่าใด ในอนาคตเมื่อลูกหลานของเราทนไม่ไหว กระสุนปืนจากภาษีประชาชนที่เขาสั่งสมจะมากเกินไป จนความสูญเสียในอนาคตมากกว่าการที่เราพูดความจริงในวันนี้เสียด้วยซ้ำ

Advertisement

จากนั้น นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี เลขาธิการกลุ่มเยาวชนปลดแอก กล่าวว่า เราต้องทำเรื่องนี้ให้จบในรุ่นของเรา เราจึงขอประกาศข้อเรียกร้อง 3 ประการ ดังต่อไปนี้

1. “ต้องประกาศยุบสภา” รัฐบาลสืบทอดอำนาจภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด-19” รัฐบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน และออกมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้มีคนตกงานและขาดรายได้เป็นจำนวนมาก แต่รัฐบาลก็มิได้เยียวยาอย่างถ้วนหน้าและทั่วถึง มิหนำซ้ำยังปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อนจากพิษเศรษฐกิจโดยที่ไม่แยแสแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ปล่อยปละละเลยให้แขก VIP ที่มีเชื้อไวรัสเข้ามาในประเทศโดยที่ไม่ได้กักตัว ซึ่งถือว่าสุ่มเสี่ยงต่อโอกาสที่จะมีการแพร่ระบาดครั้งใหญ่รอบ 2

ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่อาจไว้วางใจให้รัฐบาลชุดนี้บริหารบ้านเมืองต่อไปได้ จึงขอยื่นคำขาดว่า นายกรัฐมนตรีต้องประกาศ “ยุบสภา” เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนและเปิดทางให้คนที่มีความรู้ความสามารถมาแก้ไขปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจ

2. “หยุดคุกคามประชาชน” ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 เราต่างก็หวังกันว่าประเทศไทยจะมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ประชาชนจะมีเสรีภาพในการแสดงออก และเสรีภาพในการชุมนุมโดยที่ไม่ถูกคุกคามและยัดข้อกล่าวหาหรือคดีความ แต่ความเป็นจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ การคุกคามทั้งทางกายภาพและทางจิตวิทยายังคงดำเนินต่อไปแทบไม่ต่างจากเมื่อสมัยที่ คสช.ยังมีอำนาจอยู่ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ลูกๆ หลานๆ ของเราถูกยัดคดีไปทีละคน ทีละคน มีการอ้างความมั่นคงเพื่อปิดปากประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยและความยุติธรรม ดังนั้นเราจึงขอเรียกร้องให้หยุดคุกคามประชาชน ทั้งทางกายภาพ ทางจิตวิทยาตลอดจนการยัดข้อหาเพื่อดำเนินคดี รวมถึงให้รัฐสภายกเลิกกฎหมายที่ละเมิดเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตย

3. “ร่างรัฐธรรมนูญใหม่” เรามีรัฐธรรมนูญที่เอื้อต่อการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเผด็จการ โดยแรกเริ่มเดิมทีก็มีที่มาที่ไม่ชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว เพราะคณะผู้ร่างไม่ได้มีความยึดโยงกับประชาชน ผู้ที่รณรงค์ให้ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในการลงประชามติก็ถูกคุกคามและยัดข้อหากันไปหลายคน เนื้อหาของรัฐธรรมนูญก็เป็นไปเพื่อรักษาระบอบเผด็จการในคราบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็น “ส.ว.250” ยกมือโหวตให้หัวหน้าคณะรัฐประหารเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อสืบทอดอำนาจ

“องค์กรอิสระ” ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกำจัดประชาชนและนักการเมืองที่เห็นต่างจากผู้มีอำนาจทั้งที่พูดถึงได้และพูดถึงไม่ได้

“ระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม และบัตรใบเดียว” ที่บิดเบือนเจตจำนงของประชาชน และทำให้เกิดรัฐบาลที่ไม่เข้มแข็ง ไร้ประสิทธิภาพ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศได้ รวมไปถึงการผุดของงูเห่าหรือผู้แทนราษฎรที่ทรยศต่อประชาชน

นอกจากนี้ ยังมีโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรมอื่นๆ อีกที่เป็นต้นตอปัญหาที่เรื้อรังมาเป็นเวลายาวนาน สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจนี้เป็นต้นตอของปัญหาทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม

ดังนั้น การจะปลดล็อกกุญแจดอกแรกที่จะนำพาประเทศไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนอย่างแท้จริงได้ คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยคำนึงถึงหลักการสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก และปราศจากการแทรกแซงของคนที่ประชาชนไม่ได้เลือก

“เราไม่ได้ใจจืดใจดำกับรัฐบาลมากนัก ให้เวลา 2 สัปดาห์ หากไม่มีการตอบรับใดๆ จากทางรัฐบาลเกี่ยวกับข้อเรียกร้องทั้ง 3 ประการนี้ เราจะทำการยกระดับการชุมนุมต่อไป” นายทัตเทพกล่าว

จากนั้นประชาชนจะโกน เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ และกล่าวว่า ถ้ายกระดับการชุนุมจะมาร่วม “หยุดคุกคามประชาชน ยุบสภา ร่างรัฐธรรมนูญใหม่”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image