คุก 3 ปี ‘เบญจา-3ขรก.สรรพากร’คดีเอื้อประโยชน์เลี่ยงภาษีชิน1.5หมื่นล. ศาลให้ประกันคนละ 3 แสน

เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 28 กรกฎาคม ที่ห้องพิจารณาคดี 912 ศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อท.43/2558 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช.คลัง สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร, น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย, น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย, นายกริช วิปุลานุสาสน์ ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดของเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยานายทักษิณ เป็นจำเลยที่ 1-5 ฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

คดีนี้ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2558 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า จำเลยที่ 1-4 เป็นเจ้าพนักงานของกรมสรรพากรปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อไม่ให้นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรของนายทักษิณ ต้องเสียภาษีอากร หรือเสียภาษีน้อยกว่าที่จะต้องเสีย และได้รับประโยชน์ที่มิควร โดยชอบด้วยกฎหมาย จากการที่นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ซื้อหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด เมื่อปี 2549 คนละ 164,600,000 หุ้น ในราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท ขณะที่ราคาตลาดหุ้นละ 49.25 บาท ถือได้ว่านายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา เป็นผู้ได้รับเงินพึงประเมิน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 และมีหน้าที่ต้องเสียภาษีของส่วนต่างราคาหุ้น คนละ 7,941,950,000 บาท การกระทำนั้นทำให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และราชการเสียหาย

วันนี้จำเลยทั้งหมดเดินทางมาศาล

ศาลพิเคราะห์จากพฤติการณ์แล้วเห็นว่าการโอนหุ้นดังกล่าว มีการเอื้อประโยชน์เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี พิพากษาจำคุก จำเลยที่ 1-4 คนละ 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วน น.ส.ปราณี จำเลยที่ 5 พิพากษาจำคุก 2 ปี ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้มีการกระทำผิด โดยไม่รอลงอาญา

Advertisement

ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาจำเลยทั้งหมดอยู่ระหว่างยื่นหลักทรัพย์พร้อมคำร้องเพื่อขอประกันตัว ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

ต่อมาทนายความจำเลยทั้ง5คน ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างยื่นอุทธรณ์ โดยจำเลยที่ 1-4 ยื่นหลักทรัพย์เป็นหนังสือรับรองเพื่อรับการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่ต้องหาคดีของกรมสรรพากร มีวงเงินไม่เกิน 4.2 แสนบาท ส่วนจำเลยที่ 5 ใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 3 แสนบาท

ต่อมาศาลพิจารณาแล้วให้จำเลยทั้งห้า มีประกันตัวไประหว่างอุทธรณ์สู้คดี โดยตีราคาประกันจำเลยคนละ 300,000 บาท โดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใดๆในการปล่อยตัวชั่วคราว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image