เดินหน้าชน : ระวังจบไม่สวย : โดย สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา

หลายคนคงไม่คาดคิดว่าการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2563 จะมีคนเข้าร่วมกว่า 2 พันคน

ตอนแรกอาจจะคิดว่ามากันสักประมาณ 500 คน แต่เอาเข้าจริง มีเยาวชนเข้าร่วมชุมนุมจำนวนมาก ปักหลักทำกิจกรรมปราศรัยไปจนถึงเที่ยงคืนกว่า ก่อนจะสลายการชุมนุมและประกาศจะมาทวงถามข้อเสนอถึงรัฐบาล 3 ข้อ ในอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า ได้แก่

1.ขอให้หยุดคุกคามนักกิจกรรม 2.ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก ยุบสภา และเลือกตั้งใหม่ 3.ขอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี’60 โดยเฉพาะการลดบทบาท ส.ว.

และในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 19 กรกฎาคม 2563 ก็มีการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาอีก 2 แห่ง คือที่เชียงใหม่และอุบลราชธานีมีผู้เข้าร่วมชุมนุมจำนวนมากเช่นกัน

Advertisement

แม้ว่าก่อนหน้ามีการชุมนุมจะมีบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนออกมาเตือนแกมขู่ว่า การออกมาชุมนุมในขณะที่ยังมีการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ จะมีโทษรุนแรง อาจถึงขั้นหมดอนาคตได้

แต่คำขู่ดังกล่าวก็ไม่ได้ทำให้บรรดานักเรียนนักศึกษาที่ออกมาชุมนุมเกรงกลัวแต่อย่างใด กลับยิ่งทำให้มีผู้เข้าร่วมการชุมนุมมากขึ้นอย่างเหลือเชื่อ

สัญญาณดังกล่าวนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเหลืออด ไม่พอใจรัฐบาลชัดเจนยิ่งขึ้น แม้รู้ดีว่าสิ่งที่ทำลงไปจะเกิดผลอะไรตามมา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ รุนแรงกว่าที่จะเจอในอนาคต จึงต้องออกมาเรียกร้องโดยไม่หวาดหวั่น

Advertisement

หากประเมินสถานการณ์รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะนี้ ถือได้ว่าอยู่ในสถานการณ์ตั้งรับแบบน่าเสียวไส้อย่างยิ่ง

แม้ว่าการแก้ไขปัญหาโควิด ทำได้สวยมาตลอด แต่มาตกม้าตายตอนปล่อยให้กรณีของคณะทูตซูดานกับทหารอียิปต์เกิดขึ้น

และแม้ว่าการรับมือโควิดเป็นไปด้วยดี ได้รับคำชื่นชมจากทั่วโลก แต่ภาวะเศรษฐกิจไทยกลับตกต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ผู้เชี่ยวชาญหลายคนประเมินว่าอาจจะติดลบ 8-10% ในปีนี้ ทำให้แต้มที่ได้รับจากการรับมือโควิด ถูกลดทอนไปมาก

หลายคนมองว่าไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ จะเข้าสู่ช่วงของการ “เผาจริง” หลังจากเงินเยียวยาจากรัฐบาลหมดลง ภาคธุรกิจเข้าสู่สถานการณ์ที่เรียกว่า “ชีวิตจริง” ต้องจ่ายหนี้จริง ขาดทุนจริง เจ๊งจริง ตกงานจริง

แถมยังอยู่ในช่วงสถานการณ์ในพรรครัฐบาล โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เอง กำลังเกิดแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรง เมื่อ ส.ส.ในพรรคผลักดันให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค และเขี่ยกลุ่ม 4 กุมาร พ้นตำแหน่งทั้งในพรรคและในรัฐบาล

แสดงให้เห็นว่าความเคารพยำเกรงของ ส.ส.พปชร.ที่มีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ลดน้อยถอยลงไปมากจนน่าเป็นห่วง เพราะกลุ่ม 4 กุมารรวมทั้งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ลาออกไปพร้อมกัน เป็นผู้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ทาบทามเข้ามาช่วยงาน

ที่สำคัญยังมีบรรดา ส.ส.ใน พปชร. ออกมาทวงเก้าอี้กระทรวงพลังงานจาก พล.อ.ประยุทธ์ว่าเป็นเก้าอี้ของพรรค ไม่ใช่โควต้าของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยไม่มีความเกรงอกเกรงใจกันเหมือนเมื่อก่อน

เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า เป็นช่วงขาลงของ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จึงต้องรีบรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที

การบริหารแบบ “นิว นอร์มอล” นายกฯเคยออกทีวีประกาศไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนว่าจะนำมาใช้ จะต้องเร่งขยายผลให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ไม่ใช่แค่ไปพบหนังสือพิมพ์ 10 แห่งเท่านั้น

แต่วิธีการสร้างสรรค์อย่างเช่น เปิดทางรับฟังความเห็นจากฝ่ายต่างๆ ให้มากขึ้น โดยเฉพาะฝ่ายค้าน รวมทั้งกลุ่มเยาวชนปลดแอกที่กำลังจะขยายวงการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลไปทั่วประเทศ ก็ต้องหาเวทีมาพูดคุยกันให้ได้

เพราะดูจากสภาพเจอทั้งศึกนอกและศึกในแบบนี้ นานวันเข้า พล.อ.ประยุทธ์จะต้องบอบช้ำหนักแน่นอน

ระวังจะเป็นเหมือนดังคำทำนายของ อ.บุศรินทร์ ปัทมาคม โหราศาสตร์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ทำนายดวงเมืองไว้ว่า จะเกิดความแตกแยกของพรรคการเมือง ประชาชนจะต่อสู้และไม่เกรงกลัวรัฐบาล เศรษฐกิจจะตกต่ำต่อเนื่องอย่างเห็นได้ชัด รัฐบาลจะอยู่ยากและเหน็ดเหนื่อยมาก อาจถึงขั้นมีการยุบสภาหรือปฏิวัติซ้อน

ตอนนี้ “เค้าลาง” ตามคำทำนายเริ่มมาให้เห็นแล้ว แต่ยังพอมีทางแก้ไขได้ นายกฯยังมีไม้เด็ดคือ ยุบสภาหรือลาออก ก็ยังพอทำได้ เพื่อกำราบบรรดา ส.ส.เสือหิวทั้งหลายกำลังจ้องจะงาบงบเยียวยา

อย่าปล่อยเวลาให้เนิ่นนานออกไป จะต้องกล้าตัดสินใจ ไม่อย่างนั้นคำทำนายของโหรบุศรินทร์อาจถึงขั้นแม่นแบบ “เป๊ะเว่อร์”

เมื่อถึงตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์จบไม่สวยแน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image