‘วิญญัติ’ ท้วง ป.ป.ช.ไม่ฟังพยานหลักฐานยิ่งลักษณ์ ใช้เวลาไม่ถึงเดือน ชี้มูลความผิด 2 คดี มีวาระพิเศษหรือไม่

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณี ป.ป.ช.ใช้เวลาไม่ถึงเดือนนับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ชี้มูลความผิดคดีย้ายนายถวิล จากนั้นไม่ถึง 2 สัปดาห์ ชี้มูลคดีการจัด Road show โครงการรถไฟความเร็วสูง นายวิญญัติมีความเห็นต่อการทำงานของ ป.ป.ช. ในฐานะที่เป็นทนายความผู้รับมอบอำนาจทั้ง 2 คดี ว่าตนไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนว่า ป.ป.ช.ชุดนี้มีความกระตือรือร้น ขยันมากเป็นพิเศษไม่ถึงเดือนชี้มูลผู้ถูกกล่าวหาคนเดียวกันถึง 2 เรื่อง ทั้งที่มีคดีค้างการพิจารณาในคดีสำคัญของนักการเมืองรายอื่นๆ ก็ยังไม่มีความคืบหน้าเลย สำหรับกรณีคดีนายกฯยิ่งลักษณ์ที่ ป.ป.ช.ชี้มูลทั้ง 2 คดี ติดต่อกันนั้น เริ่มต้นจากเรื่องแรก วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีใช้อำนาจโอนย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมิชอบ ทั้งที่กระบวนการและขั้นตอนตามกฎหมายเป็นอำนาจคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ไม่ใช่อำนาจนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่จะใช้อำนาจได้ตามลำพัง นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเคยเป็นกรรมการ ศอฉ. นั่งประชุมหารือรับรู้การใช้กำลังทหารสลายการชุมนุมทางการเมืองของประชาชนเมื่อปี พ.ศ.2553 จนมีประชาชนและเจ้าหน้าที่เสียชีวิตจำนวนมากมาแล้ว เป็นรัฐบาลไหนตนก็เชื่อว่าหากไม่ใช่รัฐบาลเดิมแล้วก็ย่อมพิจารณาว่านายถวิลสมควรจะอยู่ในตำแหน่งทำหน้าที่เลขาฯ สมช.ต่อไปหรือไม่ ผมเองมีโอกาสซักค้านนายถวิล ในชั้นพิจารณาคดีของศาลอยู่หลายวัน ก็ยังเกิดความไม่ไว้วางใจนายถวิล และเชื่อว่าหากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ย้ายนายถวิล ท่ามกลางความเคลือบแคลงและความขัดแย้งทางการเมืองในเวลานั้น ตนก็ไม่อาจทราบได้ว่ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์จะทำงานได้หรือไม่ ในการไต่สวน ป.ป.ช.ได้คำนึงถึงการกระทำทางการบริหารของรัฐบาลหรือไม่ ตนจึงสงสัยในข้อนี้อยู่ รวมทั้งหลังรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์พ้นหน้าที่แล้ว รัฐบาลต่อมาก็มีการโยกย้ายเลขาฯ สมช.กันทั้งนั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่าภายหลังยึดอำนาจเมื่อ 22 พฤษภาคม 57 นายถวิลได้รับการปูนบำเหน็จจากรัฐบาลต่อมาหลายตำแหน่ง จนกระทั่งได้เป็น ส.ว.ในปัจจุบันนี้

สำหรับคดี Road show โครงการรถไฟความเร็วสูง การเบิกจ่ายเงินและจัดจ้างตามขั้นตอนกระบวนการของกฎหมาย และรัฐบาลต่อมาก็ได้ตรวจสอบการจัดโครงการ Road show ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ และยังเป็นผู้อนุมัติจ่ายเงินค่าจ้างในการจัดจ้างดังกล่าวแล้วด้วย ตนก็ได้อ้างพยานบุคคลและพยานเอกสารหลายรายการ แต่ ป.ป.ช.ไม่เรียกพยานบุคคลสอบแม้แต่รายเดียว ตนเห็นว่าคดีนี้ ป.ป.ช.ไม่ควรตั้งเรื่องไต่สวนให้เป็นคดีเสียด้วยซ้ำ เพราะโครงการที่จัดทำนี้ เป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติ ทั้งเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในโครงการรถไฟความเร็วสูงของรัฐบาลในขณะนั้น หากไม่มีอุปสรรคใดๆ เชื่อว่าคนในประเทศนี้คงได้นั่งรถไฟความเร็วสูงไปแล้ว ตนจึงมีความสงสัยเหตุผลที่แท้จริงของ ป.ป.ช. ที่ชี้มูลความผิดในครั้งนี้ หากมีโอกาสและถึงเวลาอันเหมาะสม ตนคงจะตรวจสอบการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และอนุกรรมการไต่สวนบ้าง และหากพิจารณาขอสังเกตของตน เชื่อมั่นว่าสังคมน่าจะเกิดข้อสงสัยต่อกระบวนการอาจดูไม่ปกติ เพราะไม่ถึงเดือน ป.ป.ช.มีมติชี้มูลถึง 2 คดีเช่นนี้ มีวาระพิเศษหรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image