ทนายอานนท์ เปิดประเด็น ยกผลตรวจ รพ.รามาฯ ทำไมไม่แจ้งข้อหาเสพโคเคน บอส อยู่วิทยา

ทนายอานนท์ เปิดประเด็น ยกผลตรวจ รพ.รามาฯ ทำไมไม่แจ้งข้อหาเสพโคเคน บอส อยู่วิทยา

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. นายอานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงอัยการสูงสุดและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า

ตามที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องในคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหาในคดีขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายฯ ซึ่งเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ในการสั่งคดี ข้าพเจ้าในฐานะราษฎรที่มีความสนใจและติดตามคดีนี้ ตั้งคำถามต่อกระบวนการสอบสวนคดีนี้ดังนี้

๑.เพราะเหตุใดพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการจึงไม่ตั้งข้อหาเสพโคเคนซึ่งเป็นสารเสพติดประเภทสอง และไม่ดำเนินคดีข้อหาขับรถโดยเสพสารเสพติดประเภทสองในคดีนี้ตั้งแต่แรกของการดำเนินคดี

Advertisement

๒.เพราะเหตุใดอัยการสำนักงานอัยการสูงสุด และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ทั้งที่อัยการศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปแล้ว และทำไมทั้งพนักงานตำรวจและพนักงานอัยการจึงโอนอ่อนผ่อนตามให้ผู้ต้องหาโดยการไม่ออกหมายจับตั้งแต่ ๒ ครั้งแรกที่มีหมายเรียก แต่รอถึงต้องมีหมายเรียกถึง ๗ ครั้ง กระทั่งคดีบางส่วนขาดอายุความและผู้ต้องหาหลบหนีไป

ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม

๑. จากหนังสือแจ้งผลการตรวจสารแปลกปลอมของโรงพยาบาลรามาธิบดี ที่ น.๓๙๕/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ที่ตรวจสารแปลกปลอมที่พบในร่างกายของนายวรยุทธ อยู่วิทยา ปรากฏว่าพบสาร Benzoylecgonine ซึ่งเป็นผลมาจากการเสพโคเคน (สารนี้จะไม่พบในอาหารและยาอื่น) และพบสาร Cocaethyene ซึ่งเป็นผลมาจากการเสพโคเคนร่วมกับแอลกอฮอล์ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานฉบับนี้จากแพทย์ผู้ตรวจพิสูจน์แล้ว มีเหตุผลอะไรที่พนักงานสอบสวนไม่ตั้งข้อหาเสพโคเคนซึ่งเป็นสารเสพติดประเภทสอง และไม่ดำเนินคดีข้อหาขับรถโดยเสพสารเสพติดประเภทสองในคดีนี้ตั้งแต่แรกของการดำเนินคดี ทั้งที่มีความชัดเจนของผลตรวจ

Advertisement

๒. คดีนี้ ผู้ต้องหาไม่ได้ให้ความร่วมมือตั้งแต่ก่อเหตุชนคนตายแล้วหลบหนี ทั้งยังส่งพ่อบ้านซึ่งเป็นบุคคลอื่นเข้ามอบตัวแทน จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการจับกุมจากบ้านพัก และมีการสอบสวนจนนำไปสู่การตั้งข้อหาขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและข้อหาอื่นๆ ซึ่งจากผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดย พ.ต.ต.ธนสิทธิ แตงจั่น กองพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปรากฏว่ารถของผู้ต้องหาใช้ความเร็วถึง ๑๗๗ กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนนำไปสู่การสั่งฟ้องของอัยการศาลอาญากรุงเทพใต้ จากนั้นผู้ต้องหาก็บ่ายเบี่ยงการเข้าพบอัยการเพื่อส่งตัวฟ้องต่อศาลมาโดยตลอด โดยมีการออกหมายเรียกถึง ๗ ครั้ง และมีการออกหมายจับ กระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีออกต่างประเทศ ระหว่างนั้น ฝ่ายผู้ต้องหาได้ขอให้พนักงานสอบสวนสอบสวนพยานฝ่ายผู้ต้องหาคือ พ.ต.ท.สมยศ แอบเนียน และ พ.ต.ท.สุรพล เดชรัตนวิไชย พยานทั้งสองปากกลับให้การโดยดูเพียงจากสภาพความเสียหายของรถทั้งสองคันเมื่อเปรียบเทียบกับคดีอื่นกลับให้ความเห็นว่ารถยนต์ของผู้ต้องหาใช้ความเร็วไม่เกิน ๘๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง และพนักงานสอบสวนได้สอบ ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ตามที่ผู้ต้องหาร้องขอเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นเวลาเกือบ ๕ ปี หลังเกิดเหตุ กลับได้ความว่ารถยนต์ของผู้ต้องหาใช้ความเร็ว ๗๖.๑๗๕ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งคำให้การของพยานทั้งสามขัดกับผลตรวจของกองพิสูจน์หลักฐานโดย พ.ต.ต.ธนสิทธิ ซึ่งได้ตรวจจากกล้องวงจรปิดหลังเกิดเหตุว่ารถยนต์ของผู้ต้องหาใช้ความเร็วถึง ๑๗๗ กิโลเมตรต่อชั่วโมง

วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๙ อัยการสั่งสอบ พ.ต.ต.ธนสิทธิ ใหม่ ทำไมมีการให้การใหม่และแก้ไขคำให้การเดิมของ พ.ต.ต.ธนสิทธิ จากเดิม ๑๗๗ กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น ๗๙.๒๓ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระหว่าง ๔ ปีก่อนเข้าให้การใหม่เกิดกระบวนการไม่ชอบมาพากลกับ พ.ต.ต.ธนสิทธิ หรือไม่ ?

จากนั้นวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๒ อัยการสำนักงานอัยการสูงสุดจึงสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมพยานอีก ๒ ปากคือ พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร และนายจารุชาติ มาดทอง ซึ่งอ้างว่าเป็นคนขับรถยนต์ในที่เกิดเหตุ เห็นรถยนต์ของผู้ต้องหาใช้ความเร็วเพียง ๕๐ ถึง ๖๐ กิโลเมตรเท่านั้น

จากนั้นเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๓ นายเนตร นาคสุข อธิบดีอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด รักษาการในตำแหน่งรองอัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยทุกอย่างปิดเงียบกระทั่งประชาชนมาทราบเรื่องจากสำนักข่าวต่างประเทศและเกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

เพราะเหตุใดทั้งสำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงกลับคำสั่งเดิมที่เคยสั่งฟ้องแล้วกลับมาสั่งไม่ฟ้องในภายหลัง ทั้งสององค์กรเชื่อพยานฝ่ายผู้ต้องหามากกว่าภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดและสอบสวนทันทีหลังเกิดเหตุกระนั้นหรือ ?

ด้วยข้อเท็จจริงและด้วยความสงสัยในการปฏิบัติหน้าที่ข้างต้น จึงเรียนมาเพื่อขอให้อัยการสูงสุดและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้แถลงข่าวชี้แจง เพื่อไขข้อสงสัยของประชาชน ก่อนที่ประชาชนจะหมดความศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมไปมากกว่านี้

ลงชื่อ อานนท์ นำภา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image