การออกมาแสดงบทบาทของ นายชวน หลีกภัย ต่อท่าที”ไม่รับ”ร่างรัฐธรรมนูญของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“สำคัญ” และทรง”ความหมาย”
เท่ากับ “ชี้” ว่า ระหว่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
นายชวน หลีกภัย “ยืน”อยู่กับใคร
เช่นนี้เองความพยายามที่จะ “ดัน” หลัง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เข้ามา จึง “เงิบ”
เหมือนกับกรณีของ นายถาวร เสนเนียม
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ไม่เพียงแต่ นายชวน หลีกภัย เท่านั้นหรอก หาก นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ก็หนุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เห็นจากการโพสต์ของ นายณัฎฐ์ บรรทัดฐาน
เป็นการโพสต์เช่นเดียวกับ นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นางอรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์
หนุนการตัดสินใจของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เพียง 1 วันหลังจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาประกาศ”ไม่รับ” ร่างรัฐธรรมนูญ
เส้นทาง”ประชามติ”ก็เริ่ม”แกว่ง”
โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ 6,828,333 เสียง โดยเฉพาะพื้นที่กทม. 4,483,075 เสียง
สถานการณ์ในแบบประชามติ 2550 คงไม่เกิดขึ้นอีก
ประชามติร่างรัฐธรรมนูญเมื่อเดือนสิงหาคม 2550 คะแนนภาคใต้คือตัวแปรอย่างสำคัญ
เพราะว่า 3,214,506 รับ เพราะว่า 425,883 ไม่รับ
เมื่อ นายชวน หลีกภัย ประสานกับ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ยืนเรียงเคียงกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
คะแนนย่อม “แตก” และ”ไม่เหมือนเดิม”
เมื่อนำเอาผลการลงประชามติเมื่อเดือนสิงหาคม 2550 มาทบทวนอีกครั้ง
ภาคกลางก็ไม่น่าจะเหมือนเดิม
ที่เคยรับ 5,714,973 ไม่รับ 2,874,674 น่าจะต้องมีการพลิกผัน และแปรเปลี่ยน
เพราะพรรคชาติไทยพัฒนาก็ “ไม่รับ”
ยิ่งในกทม.เมื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประสานเสียงกับ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์
คะแนน “ไม่รับ” ย่อมสูงกว่า”รับ”แน่นอน
ขณะเดียวกัน ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เสียงของ พรรคเพื่อไทยก็แข็งแกร่งและมั่นคงอย่างยิ่ง
“รด.จิตอาสา”แซะอย่างไรก็คงไม่ไหวคลอน
การตัดสินใจของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงเท่ากับหนุนเสริมการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย
แนวโน้ม”ไม่รับ”จะสูงกว่า”รับ”
