ฝ่ายค้านชงญัตติด่วนเข้าสภาสัปดาห์หน้า ปธ.วิปรัฐนัดวิป 3 ฝ่ายถก 4 ส.ค. ตั้งทีมแก้ รธน. วางกรอบให้ชัด
พลังของกลุ่มเยาวชนปลดแอกและกลุ่มสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ปรากฎการณ์แฟลชม็อบจุดติดทั่วประเทศ เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศลาออกยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน และให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สั่นคลอนสร้างแรงกดดันรัฐบาล จนล่าสุดคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560มีมติข้อเสนอแก้มาตรา 256 เพื่อเปิดทางให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพื่อคลายล็อกหาช่องทางลดแรงกดดัน เท่ากับใช้ช่องทางของสภาเป็นตัวเร่งปฎิกริยาเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย(พท.) และรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เปิดเผยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสำเร็จได้ รัฐบาลต้องเป็นเจ้าภาพ และให้นักการเมืองทั้งสภาร่วมมือกันจึงจะแก้ได้ ทั้งนี้ดูจากข้อเรียกร้องของนักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชน ก็จะทราบว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหาแน่นอน
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ควรนิ่งดูดาย เพราะรัฐธรรมนูญมีปัญหา ที่มาของและอำนาจของสมาชิกวุฒิสภามากเกินไป และสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ 2 ครั้งคือ 8 ปี นอกจากนี้การกำหนดให้มียุทธศาสตร์ชาติ เป็นอันตรายและล็อคตายการพัฒนาประเทศ เห็นได้จากการจัดทำงบประมาณที่ไม่ตอบโจทย์ประเทศไทย คาดว่าในสัปดาห์หน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นญัตติด่วนต่อสภาเพื่อขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากสมาชิกเห็นด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะเร็วและเป็นสามารถชี้แจงต่อสังคมได้”
ขณะที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า การจะแก้ไขมาตรา 256 รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าจะต้องทำประชามติ อีกทั้งในวาระแรกของที่ประชุมรัฐสภา จะต้องมีเสียงเห็นชอบของสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) 1 ใน 3 หรือ 84 เสียง หากไม่พูดคุยและทำความเข้าใจกับส.ว.ก่อน ผ่านการประชุมคณะกรรมการประสานงานรัฐสภา หรือ วิป 3 ฝ่าย การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจเดินหน้าลำบาก
“ในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ จะมีการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณา ร่างกฎหมาย 2 ฉบับ คือ ร่างพ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่…) พ.ศ. และร่างพ.ร.บ.การเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. … ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ผมจะขอให้ตัวแทนของวิป 3 ฝ่าย มาประชุมกันนอกรอบ เพื่อตั้งคณะทำงานร่วมกันในการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ วางกรอบเวลาการทำงานให้ชัดเจนภายในระยะเวลากี่วัน เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าเป็นการซื้อเวลา และทำงานซ้ำซ้อนกับกมธ.วิสามัญฯ เพราะที่ผ่านมาการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการดำเนินงานของกมธ.วิสามัญฯ สภาผู้แทนราษฎร ยังไม่มีส.ว.เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ผมเชื่อว่าเมื่อมีตัวแทนของทั้ง 3 ฝ่ายมาพูดคุยผ่านคณะทำงานร่วมกันแล้ว จะทำให้การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่าย”
