“ปกรณ์” ชี้ คกก.ไม่กดดัน คดีบอส “มีสำนวนจริงอยู่สำนวนเดียว”

ปธ.คณะทำงานกฎหมาย ในคกก.คดีบอส เผย “มีสำนวนจริงอยู่สำนวนเดียว” ไม่กดดันสังคมมีธงตัดสิน ชี้ ข้อเท็จคือข้อเท็จจริง

เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 4 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบด้านกฎหมาย ในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เปิดเผยว่า คณะทำงานชุดนี้จะแยกกันในส่วนข้อเท็จจริงกับข้อกฎหมาย ขณะที่ข้อเท็จจริงคณะกรรมการฯ ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูเรื่องของอัยการ ตำรวจ และผู้เกี่ยวข้อง ส่วนคณะทำงานของตนจะดูข้อกฎหมายมาประกอบ เพื่อดูว่ามีช่องโหว่อย่างไร ซึ่งจะต้องดูทุกสำนวนของคดีประกอบกัน เมื่อได้ข้อเท็จจริงแล้วถึงจะเข้าการสู่พิจารณาในข้อกฎหมาย โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ระหว่างการพิจารณากฎหมาย 2 ฉบับอยู่แล้ว คือ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ…. และ ร่างพ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญา พ.ศ…. ซึ่งก่อนหน้านี้มีการพูดแค่พนักงานสอบสวน จากนี้ต้องมาดูว่าอาจจะขยายข้อกฎหมายเพิ่มไปถึงการสั่งคดีของอัยการหรือไม่

นายปกรณ์ กล่าวว่า ในการแถลงผลการตรวจสอบของอัยการนั้น ตนยังไม่เห็นเพราะเพิ่งเสร็จสิ้นจากการประชุม ครม. แต่ว่าไปตามหลักการแล้ว พนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด รวมถึงวิธีแห่งการกระทำความผิด รวบรวมทั้งหมดไว้ในสำนวน เมื่อรวบรวมแล้วก็เสนอให้อัยการพร้อมกับความเห็นว่าควรสั่งฟ้องหรือไม่

เมื่อถามว่า หากสุดท้ายแล้วผลการตรวจสอบของอัยการและผลการตรวจสอบของตำรวจออกมาไม่ตรงกันจะทำอย่างไร นายปกรณ์ กล่าวว่า “จริงๆ แล้ว ถ้าใช้สำนวนชุดเดียวกันก็ต้องตรงกัน แต่ถ้ามาไม่เหมือนกัน เรามีหน้าที่ไปดูว่า คนนี้ว่าอย่างไร และอีกคนว่าอย่างไร”

เมื่อถามว่า จะยึดผลการตรวจสอบของตำรวจเป็นหลักหรือไม่ เพราะเป็นต้นทางของคดี นายปกรณ์ กล่าวว่า “มันมีสำนวนจริงอยู่สำนวนเดียวล่ะครับ”

Advertisement

เมื่อถามว่า ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมได้พูดถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินหรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า คงจะต้องตรวจสอบทั้งหมด ว่ามีกระบวนการเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือไม่

เมื่อถามว่า จะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงอัยการและตำรวจด้วยใช่หรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า “ใช่ ทั้งหมดเลย โดยนายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการฯ ระบุว่าว่า จะขอความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ต่อไป”

เมื่อถามว่า คดีนี้สังคมมีธงอยู่แล้ว จะกดดันหรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า “ผมไม่มีธง ไม่กดดัน เพราะข้อเท็จจริง คือ ข้อเท็จจริง”

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image