‘อำนาจ’ โต้เดือด แน่ใจแค่ไหน เลือก ‘เพื่อไทย’ ไม่เจอ ‘งูเห่า’ ในฟาร์มฝากเลี้ยง
เพื่อไทย – เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม นายอำนาจ สถาวรฤทธิ์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 5 จ.สมุทรปราการ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่า 1 ใน 3 message หลักของเพื่อไทยในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ คือผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค เป็นลูกหลานของชาวสมุทรปราการ และเป็นอดีต ส.ส.3 สมัย แม้จะถูกอำนาจรัฐกดดัน แต่ก็ไม่ยอมเปลี่ยนขั้ว ต่างจากหลายคนที่ย้ายพรรคไปหาประโยชน์ ขอยืนยันว่าผู้สมัครของพรรค พท.ไม่มีทางเป็นงูเห่าแน่นอนนั้น การพูดเช่นนี้ คงต้องตั้งคำถามว่ามีเจตนาอย่างไร เพื่อให้เกิดความสับสน และไม่เชื่อมั่นต่อผู้สมัครพรรคก้าวไกลหรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบ ไม่ได้พูดเพียงแค่ครั้งเดียว แต่ได้พูดปราศรัยสื่อสารออกไปในหลายเวทีด้วย
“ผมมองว่าการหาเสียงของแกนนำพรรคในลักษณะนี้ เป็นเรื่องไม่เหมาะสม เพราะการแข่งขันกันในทางการเมือง ควรแข่งกันด้วยนโยบาย ไม่ใช่การพูดในลักษณะที่ทำให้คนเข้าใจว่า ถ้าไม่เลือกผู้สมัครของพรรค พท.แล้ว อาจจะเจอกับเหตุการณ์ ส.ส.ย้ายขั้ว กลายเป็นงูเห่าอีกได้ ทั้งที่ความเป็นจริง ส.ส.งูเห่าได้ย้ายไปอยู่พรรคใหม่ตั้งแต่ในช่วงที่มีการยุบพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ทั้งหมดแล้ว” นายอำนาจ กล่าว
นายอำนาจกล่าวต่อว่า เรื่องนี้ต้องถือเป็นเรื่องดี เพราะถึงมีจำนวน ส.ส.น้อยลง แต่เท่ากับเป็นบทพิสูจน์ถึงความเป็นแนวหน้าประชาธิปไตยตัวจริงของคนที่ยังอยู่ เพื่อหยัดยืนสืบสานปณิธานอนาคตใหม่กันต่อ สำหรับ อิศราวุธ ณ น่าน หรือ พีท เอง ก็คือผู้ที่มีอุดมการณ์แน่วแน่ชัดเจนมาแต่แรก ว่ายืนอยู่ฟากฝั่งประชาธิปไตย เป็นคนสมุทรปราการแต่กำเนิด เกิด และโตในพื้นที่ และมารดาเป็นชาวสมุทรปราการโดยพื้นเพ เป็นคนหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ชาวสมุทรปราการฝากความหวังได้ หากต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่
“บ้านของพวกเราพรรคก้าวไกลชัดเจนแล้ว ทั้งคนที่ยังอยู่ และคนที่ผ่านคณะกรรมการคัดสรรของพรรคเข้าในครั้งนี้ ซึ่งมาจากการถอดบทเรียนที่ได้รับในอดีต จึงเชื่อมั่นว่าการเลือกตัวแทนพรรคก้าวไกล จะไม่มีการทรยศอุดมการณ์เกิดขึ้นอีก แต่ในทางกลับกัน ดูเหมือนว่าเพื่อไทยเองที่ยังไม่ชัดว่า มีฟาร์มงูที่เขาฝากเลี้ยงไว้ในพรรคหรือไม่ ส.ส.งูเห่าในทางการเมือง คนเขาก็รู้กันดีว่าใครกินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง ไปย้อนดูการลงมติในสภา ก็คงเห็นกันไม่ยากว่าใครเป็นอย่างไร การออกมาหาเสียงเช่นนี้ ผมมองว่าเป็นวิธีการที่ไม่สร้างสรรค์ แต่เมื่อนำมาใช้หาประโยชน์กัน ผมก็คงต้องพูดถึงความจริงที่เห็นกันอยู่ของทางนั้นบ้าง” นายอำนาจ กล่าว
