เทพไท ลงพื้นที่ตำบลต้นแบบใช้ใบกระท่อม ดันปลดล็อก นำข้อเสนอปราชญ์ชาวบ้านชงร่าง รบ.

เทพไท ลงพื้นที่ตำบลต้นแบบใช้ใบกระท่อม ดันปลดล็อก นำข้อเสนอปราชญ์ชาวบ้านชงร่าง รบ.

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลน้ำพุ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี คณะอนุกรรมาธิการศึกษาหาแนวทางการใช้พืชกระท่อม สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายเทพไท เสนพงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้เดินทางไปศึกษาดูงานและรับฟังความคิดเห็นเรื่องการใช้ใบกระท่อม ที่บ้านนำพุ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีตัวแทนชาวบ้านโดยนายสงคราม บัวทอง กำนันตำบลนำพุ ตัวแทนสาธารณจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตัวแทน ปปส.เขต 8 สุราษฎร์ธานี ร่วมให้ข้อมูล

นายสงครามกล่าวว่า ตำบลน้ำพุได้จัดทำธรรมนูญตำบลในเรื่องการใช้ใบกระท่อม ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดมาตรา 52 เมื่อปี 2559 โดยมีการประชุมชาวบ้านและตกลงร่วมกัน กำหนดให้แต่ละบ้านปลูกใบกระท่อมได้ไม่เกิน 3 ต้น พกพาได้ไม่เกิน 30 ใบ และห้ามนำใบกระท่อมไปผสมกับยาแก้ไอ เป็น 4×100 และห้ามนำไปจำหน่าย สามารถใช้ได้เฉพาะในครัวเรือน ซึ่งตลอดระยะเวลาของการดำเนินการได้รับความร่วมมือกับชาวบ้านเป็นอย่างดี ไม่มีใครทำผิดธรรมนูญ

ด้านนายศุภรัตน์ กล่อมวิเศษ ปราชญ์ชาวบ้าน ให้ข้อมูลว่า ต้นกระท่อมทุกต้นมีการขึ้นทะเบียน มีคิวอาร์โค้ดติดไว้ทุกต้น ตรวจสอบได้ทาง GPS และกำลังดำเนินการทำแอพพลิเคชั่น สามารถตรวจสอบได้ว่า ต้นกระท่อมอยู่ตรงจุดไหน

“กระท่อมมีฤทธิ์ ทำให้ร่างกายกระฉับกระเฉง ฤทธิ์ของใบกระท่อมจะกระจายน้ำตาลไปเส้นเลือดทำให้ร่างกายตื่นตัวภายในเวลา 4-5 นาที เป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่มีมาตั้งแต่อดีต อย่างผมตื่นเที่ยงคืน จะกินกาแฟกับใบกระท่อม 3 ใบ/ชั่วโมง กิน 3 ใบ เสร็จประมาณ 10.00 น. ใช้ประมาณ 30 ใบ” นายศุภรัตน์กล่าว

Advertisement

นายศุภรัตน์กล่าวว่า ผลกระทบของใช้ใบกระท่อม ในทางร่างกายไม่พบว่า มีผลกระทบในทางลบ ตรงกันข้ามใบกระท่อมช่วยในการรักษาโรค อาทิ เบาหวาน เป็นต้น ในทางสมองมีการวัดคลื่นสมอง ไม่พบว่า มีผลกระทบแต่อย่างใด แต่เดิมชาวบ้านใช้แล้ว ขยันทำงาน แต่ก็ถูกมองว่า เป็นพืชเสพติด แต่เมื่อมีผลวิจัยทางวิชาการ ก็มีความมั่นใจว่า พืชใบกระท่อมมีประโยชน์ตามที่ชาวบ้านเชื่อมาตั้งแต่อดีต ในส่วนของวัยรุ่นในหมู่บ้านมีคนติดยา 42 คน มีการพูดกัน และนำใบกระท่อมมาเป็นสูตรในการเลิกยา ปรากฏว่าได้ผลดี เมื่อคนที่ติดยากินเข้าไป ความกระวนกระวายในความต้องการยาได้หายไป ไม่มีใครละเมิดกฎในการนำไปผสมยาแก้ไอเป็น 4×100 ซึ่งเป็นอันตราย แต่ก็มีการต้มเป็นนำผสมไซรัป รวมทั้งผสมบ๊วย ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม เพราะบ๊วยทำให้ชุ่มคอ สามารถยืนยันได้ว่า บ้านน้ำพุเป็นโมเดลของการใช้ใบกระท่อมที่ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

นายเทพไทกล่าวว่า ความจริงไม่อยากมาบ้านน้ำพุ เพราะเกรงว่า จะเป็นภาระเพราะเป็นสถานที่ๆ คนมาศึกษาดูงานตลอดเวลา แต่คณะอนุกรรมาธิการฯ ก็เห็นว่า หากไม่มาก็จะไม่ครบกระบวนการในการศึกษา ซึ่งการมายังสถานที่จริงก็ได้ประโยชน์ จะนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายปลดล็อกระท่อมออกจากพืชยาเสพติด แต่จะต้องมีแนวทางการป้องกันดูแลเหมือนกันบ้านน้ำพุ ซึ่งบ้านน้ำพุประสบความสำเร็จเพราะมีผู้นำที่เข้มแข็งอย่างกำนันสงคราม หากเป็นพื้นที่ๆ ผู้นำไม่เข้มแข็งก็อาจจะมีปัญหา

Advertisement

“ที่บ้านน้ำพุ มีการศึกษาวิจัยจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ และพบว่า ไม่เพียงช่วยให้ร่างกายกระฉับกระเฉงทำงานได้ดีแล้ว ยังมีคุณสมบัติช่วยลดน้ำหนัก และลดเบาหวาน ในอนาคตอาจเป็นพืชเศรษฐกิจได้ ตอนนี้ ได้มีการเสนอกฎหมายเข้าสภา แต่เขียนมา 2-3 บรรทัด ผมอ่านแล้วก็ยังไม่เข้าใจ ก็เลยให้คณะร่างฯเพื่อประกอบร่างของรัฐบาล และตามที่ปราชญ์ชาวบ้านเสนอ ก็คือ จะแยกพืชกระท่อมมาต่างหาก เหมือน พ.ร.บ.ข้าวหรืออ้อย จะทำให้การใช้กฎหมายมีความชัดเจน” นายเทพไทกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image