บทนำ อย่า‘เกียร์ว่าง’

บทนำ อย่า‘เกียร์ว่าง’

ในยุคที่ประเทศกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจเช่นนี้ ไม่ควรจะเกิด “เกียร์ว่าง” ขึ้นมาในแวดวงการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ดูเหมือนว่า หลังจากที่ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ลาออกจากรัฐบาล กลไกต่างๆ ในการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศจะเข้าข่าย “เกียร์ว่าง” ทุกคนทุกองค์กรล้วนรอว่ารัฐบาลจะมีธงนำอย่างไรที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แม้ก่อนหน้านี้มีความคืบหน้าการใช้งบประมาณจากเงินกู้ 4 แสนล้านบาทเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยคณะรัฐมนตรีอนุมัติการใช้งบฯ 9 หมื่นล้านบาทมาแล้ว แต่จนบัดนี้ยังไม่ปรากฏความคืบหน้าว่าเงินก้อนดังกล่าวได้ใช้ไปแล้ว มีผลสะท้อนกลับเช่นไร

ก่อนหน้านี้กลไกทางเศรษฐกิจที่จะแก้ปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้น ทางหนึ่งคือ ครม.เศรษฐกิจ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน อีกทางหนึ่งเป็นความคิดที่จะตั้งศูนย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่คล้ายๆ กับ ศบค. ที่ใช้ดูแลสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ยังมีกลไกที่ใช้ปลัดกระทรวงเกี่ยวกับเศรษฐกิจมาช่วยเหลือดูแลการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส แต่ปรากฏว่าเมื่อนายสมคิด และคณะ ลาออกจากคณะรัฐมนตรี กลไกต่างๆ กลับไม่มีความเคลื่อนไหว

ขณะที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไม่ได้หยุดรอ ทุกๆ วัน ทั้งคนและองค์กรซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจต่างต้องการโอกาสพลิกฟื้นสถานการณ์ที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้น ข้อเรียกร้องเรื่องการพักหนี้ ข้อเรียกร้องให้รัฐบาลกู้เงินเพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาท ข้อเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งทีมเข้าไปทำงานร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ ยังรอคำตอบจากฝ่ายรัฐ นอกจากนี้ ยังมีการส่งสัญญาณการว่างงานจากภาคอุตสาหกรรม ตอกย้ำถึงความเร่งด่วนที่ต้องรับมือ ไม่อาจรอให้การบริหารราชการแผ่นดินตกอยู่ในสภาพ “เกียร์ว่าง” ได้ ดังนั้น จึงหวังว่าเมื่อคณะรัฐบาลมีทีมงานเศรษฐกิจ และมีการปรับคณะรัฐมนตรีกันแล้ว การขับเคลื่อนประเทศให้พ้นจากวิกฤตจะดำเนินการต่อไป ไม่ “เกียร์ว่าง” ต่อการทำหน้าที่ ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาสั่งสมจนยากที่จะแก้ไข

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image