บทนำ : อย่า‘คุกคาม’

เมื่อเร็วๆ นี้ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้แถลงข่าวเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่า ขอให้ผู้มีอำนาจและเจ้าหน้าที่อย่ากระทำ 3 ข้อ หรือ “3 อย่า” คือ 1.อย่าคุกคามนิสิตนักศึกษาประชาชนและลามไปถึงครอบครัวและชุมชนของผู้ออกมาเรียกร้องชุมนุม 2.อย่าดำเนินการเกินกรอบของกฎหมาย หรืออย่าแจ้งข้อหาเกินจากการกระทำความผิดจริง แม้รัฐบาลบอกว่าการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะไม่นำมาใช้กับการชุมนุม แต่ยังพบว่ามีการนำกฎหมายดังกล่าวมาดำเนินคดีกับนักศึกษาอยู่ และ 3.อย่าจัดม็อบชนม็อบ ขณะนี้มีการไอโอ หรือปฏิบัติการข่าวสารซึ่งจะเหมือนราดน้ำมันเข้ากองไฟ วิกฤตการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง

การเรียกร้องของเยาวชน นักเรียน นักศึกษาและประชาชน ที่กำลังลุกลามไปทั่วประเทศ ในเวลานี้ มี 3 ข้อ ได้แก่ 1.ยุติการคุกคามประชาชน 2.แก้รัฐธรรมนูญ และ 3.ยุบสภา จัดเลือกตั้งใหม่ และมีการเคลื่อนไหวด้วยวิธีการแฟลชม็อบ เป็นการรวมตัวในระยะสั้น ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้สังคมหรือส่วนรวม รัฐบาลควรพิจารณาว่าข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ มีความชอบธรรม เป็นความต้องการของประชาชนจริงหรือไม่ เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายหรือไม่ โดยอาจจะหารือสภา ผู้รู้ หรือใช้กลไกของสภาดำเนินการ แทนที่จะตอบโต้ด้วยการใช้กฎหมาย ใช้กลไกรัฐได้แก่ เจ้าหน้าที่ ติดตามคุกคาม หรือปฏิบัติการข่าวสาร โจมตีว่าเป็นกลุ่มชังชาติ ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ ซึ่งจะยิ่งทำให้เกิดความตึงเครียด

ข้อเสนอ “3 อย่า” จากโฆษกพรรคเพื่อไทย เป็นข้อเสนอที่ออกมาพร้อมกับข่าวเจ้าหน้าที่นำตัวแกนนำนิสิตนักศึกษาไปคุมตัว และมีการติดตามผู้ชุมนุมไปถึงบ้าน จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลพึงพิจารณา และควรเร่งดำเนินการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ กล่าวคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ที่กล่าวกันว่าเป็นต้นตอของการเมืองที่เป็นปัญหาในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบทเฉพาะกาลที่ให้อำนาจ 250 ส.ว.ที่มาจากการกำหนดของ คสช. เลือกนายกรัฐมนตรี การนับคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ฯลฯ รัฐบาลเองได้กำหนดไว้ในนโยบายเร่งด่วนว่าจะพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่าพร้อมสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงน่าแสดงความจริงใจ ด้วยการเร่งปฏิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image