“ศรีสุวรรณ” ร่อนแถลงการณ์จี้ตำรวจจับกุม 31 แกนนำนักศึกษา
วันที่ 12 ส.ค. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาคมฯได้ออกแถลงการณ์ ขอเรียกร้องให้ตำรวจเร่งจับกุมและดำเนินคดีแกนนำกลุ่มผู้โจมตีและหมิ่นสถาบันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โดยเร็ว หลังจากกลุ่มนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ได้จัดกิจกรรม “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” ภายในบริเวณลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยเฉพาะการปราศรัยและการฉายภาพโปรเจ็กเตอร์บนเวที ซึ่งเป็นรูปนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ 2 ผู้ต้องหาหนีคดีมาตรา 112 ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ มีข้อความและตราสัญลักษณ์เชิงล้อเลียนและหมิ่นสถาบันฯ รวมทั้งการอ่านแถลงการณ์และแจกจ่ายประกาศกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ฉบับที่ 1 ที่มุ่งให้ร้ายโจมตีสถาบันอย่างเปิดเผยนั้น
“พฤติการณ์และการกระทำของกลุ่มดังกล่าว เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาตรา 116 ถือว่าเป็นความผิดอาญาต่อแผ่นดิน ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของสังคม เพราะเป็นการก้าวล่วงศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 6 บัญญัติไว้ ดังนั้น ประชาชนไทยทุกคนที่เคารพเทิดทูนสถาบันย่อมถือเป็นผู้เสียหาย สามารถเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทุกแห่งทั่วประเทศ”
แถลงการณ์ระบุว่า ที่สำคัญ ผู้บริหาร ม.ลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะเจ้าของสถานที่ เป็นผู้อนุญาตให้กลุ่มนักศึกษา/บุคคลดังกล่าวเข้ามาใช้มหาวิทยาลัยมุ่งให้ร้ายโจมตีสถาบันย่อมมีความผิดตามไปด้วย ในฐานะ “ผู้สนับสนุน” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 มาตรา 87 แม้มีการออกแถลงการณ์ของมหาวิทยาลัยและคำกล่าวขอโทษของรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา ไม่เพียงพอสำหรับความผิดที่ได้กระทำการสำเร็จแล้ว หากยังมีจิตสำนึกเหลืออยู่บ้าง ควรรีบแสดงสปิริตประกาศลาออกจากตำแหน่งและเดินไปมอบตัวที่สถานีตำรวจย่อย มธ.ศูนย์รังสิต
ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับกุมแกนนำหรือบุคคลที่ปรากฏรายชื่อรวม 31 คน ให้ครบโดยเร็ว ที่ได้กระทำการยุยงปลุกปั่นเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน รวมทั้งให้ตั้งข้อหากบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 ด้วย เพราะปรากฏหลักฐานข้อความบนเวทีอย่างชัดเจนที่ว่า “เราไม่ต้องการปฎิรูป แต่เราต้องการปฏิวัติ” จึงเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องเร่งรีบรวบรวมพยานหลักฐาน และจับกุม เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายอาญาแผ่นดิน เพราะเชื่อว่าคนไทยไม่อาจทนต่อการกระทำของพวกกบฏเหล่านี้ได้
