ท่ามกลางการแพร่ระบาดของการเคลื่อนไหวชุมนุมและเรียกร้องของ เยาวชนคนรุ่นใหม่ ประเด็นทางการเมืองเริ่มมีความแจ่มชัดและรวม ศูนย์ไปยัง “รัฐธรรมนูญ”อย่างมิอาจปัดปฏิเสธได้
ถามว่าน้ำเสียงจากรัฐบาล น้ำเสียงจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อ่อนลงหรือไม่
อ่อนลงอย่างเด่นชัด อ่อนลงในเรื่อง”รัฐธรรมนูญ”
เป็นความอ่อนลงเมื่อมองอย่างเปรียบเทียบกับความรู้สึกเดิมซึ่งเคยกระหึ่มภายในพรรคพลังประชารัฐถึงกับสรุปออกมาว่า
“รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา”
นั่นก็คือ เป็นรัฐธรรมนูญเพื่อการสืบทอดอำนาจ จากที่เคยยึดมาได้จากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
ตรงนี้คือ”จุดแข็ง” จุดอันเป็นความได้เปรียบในทางการเมือง
แต่จากเดือนเมษายน 2560 ซึ่งประกาศและบังคับใช้เมื่อผ่าน การเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562 เพียง 1 ปีก็เห็นชัด
ชัดว่าที่เคยเป็น”จุดแข็ง”กลับกลายเป็น “จุดอ่อน”
แม้จะมีความไม่พอใจต่อรัฐธรรมนูญนับแต่ร่าง ผ่านประชามติกระทั่งประกาศและบังคับใช้เมื่อเดือนเมษายน 2560 แต่ความไม่พอใจนั้นก็ดำเนินไปอย่างกระจัดกระจาย
ไม่สามารถทำให้ภายในคสช. ภายในรัฐบาลและโดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกิดความยินยอมได้
ต่อเมื่อผ่านการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ต่อเมื่อมีการชุมนุมของสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย และเยาวชนปลดแอก เมื่อตอนค่ำของวันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม
ประเด็นของ”รัฐธรรมนูญ” จึงกลายเป็นเรื่องร้อนและสังคมเริ่มตระหนัก”ร่วม”ว่าจำเป็นต้องมีการทำอะไรกับ”รัฐธรรมนูญ”
เพราะว่าการชุมนุมมิได้มีเพียงเมื่อวันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม หากจากวันนั้นเป็นต้นมา การชุมนุมและเรียกร้องให้จัดการกับ”รัฐธรรมนูญ”ได้กลายเป็นกระแสเหมือนประกายไฟไหม้ลามทุ่ง
เป็นเจตจำนง”ร่วม”ที่ใหญ่โตและกว้างขวางในขอบเขตทั่วประเทศขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่คล้ายกับผ่อนปรนอาจมีเจตนาเพื่อทำให้ความร้อนแรงเบาบางและจางคลายลง แต่สังคมก็ไม่แน่ใจหรือไม่ว่าจะเป็นไปตามความปรารถนานั้น
เพราะว่าในที่สุดข้อเรียกร้องอันมีจุดเริ่มเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ก็จะปรากฏออกมาในวันที่ 16 สิงหาคม
ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บนถนนราชดำเนิน