‘ธนาธร’ ซัด ‘ประยุทธ์’ ไม่จริงใจ ปากบอกรับฟัง น.ศ. แต่การกระทำคุกคาม

‘ธนาธร’ ซัด ‘ประยุทธ์’ ไม่จริงใจ ปากบอกรับฟัง น.ศ. แต่การกระทำคุกคาม ดึงสติพวกกระเหี้อนกระหือรือปราบม็อบ ขอเอาความจริงมาไว้บนโต๊ะ จะทำให้ 6 ตุลา ภาค 2 ไม่เกิดขึ้น

เมื่อเวลา 13.45 น.วันที่ 14 สิงหาคม ที่รัฐสภา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนต่อการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มนิสิตนักศึกษาในวันที่ 16 สิงหาคมนี้ ว่า ยืนยันว่าการชุมนุมเป็นการแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ขอเรียนกลุ่มคนที่ต้องการสร้างความเกลียดชังในสังคม และต้องการจับกุมปราบปรามนักศึกษาอย่างเด็ดขาดว่านั่นไม่ใช่วิธีการแก้ไข และไม่ใช่ทางออก แต่เป็นการราดน้ำมันลงในกองไฟลุกโชน พวกเราเชื่อว่า สิ่งที่จะเป็นทางออกให้สังคมได้จริงๆ คือการรับฟังสิ่งที่นักศึกษาพูดอย่างมีสติและมีเหตุผล แม้สิ่งที่นักศึกษาพูดอาจจะเป็นความจริงที่กระอักกระอ่วน แต่นี่คือความท้าทายของสังคมไทยว่ามีวุฒิภาวะและมีความเป็นผู้ใหญ่พอหรือไม่ที่จะรับฟังความจริงเหล่านี้อย่างตรงไปตรงมา

เมื่อถามว่านักศึกษาออกมาเรียกร้องให้แสดงจุดยืนว่าอยู่ข้างไหน นายธนาธรกล่าวว่า เรายืนอยู่ข้างนักศึกษาในการต่อสู้เพื่อให้บรรลุข้อเรียกร้อง 3 ข้อหลัก 1.หยุดคุกคามประชาชน 2.แก้ไขรัฐธรรมนูญ และ 3.ยุบสภา ซึ่งตนคิดว่าสิ่งที่เราต้องทำในวันนี้คือ การมองสิ่งที่เขาเรียกร้องด้วยความหวังดี การไม่ฟังนักศึกษา ไม่เปิดโอกาสให้สังคมมองเห็นทางออกจากความขัดแย้งเพื่อนำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยอย่างไรต่างหากที่จะทำบ้านเมืองไปสู่วิกฤตและทางตัน ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจว่าพร้อมที่จะรับฟังและประนีประนอมแค่ไหน หากไม่ประนีประนอม ไม่รับฟังนักศึกษาเลย สังคมก็จะไม่มีทางออก

เมื่อถามถึงข้อเรียกร้องของนักศึกษาก่อให้เกิดความไม่สบายใจ นายธนาธรกล่าวว่า ต้องยอมรับข้อเรียกร้อง 10 ข้อ อาจทำให้กลุ่มคนบางกลุ่มไม่สบายใจ แต่ในขณะเดียวกันต้องยอมรับข้อเท็จจริงด้วยเหมือนกันว่านี่คือความจริงที่กระอักกระอ่วน ทุกคนตระหนักรู้อยู่แล้ว แต่ไม่มีใครออกมาพูดเรื่องนี้ในที่สาธารณะ พวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่เอาเรื่องนี้มาพูดในที่สาธารณะ นับว่าเป็นกลุ่มคนที่มีความกล้าหาญ หากตัดเรื่องท่าทีในการนำเสนอออกไป โดยมองเนื้อหาที่เขานำเสนอ คำถามสั้นๆ คือเราพร้อมหรือเปล่าที่จะพูดคุยเรื่องเหล่านี้ด้วยเหตุผล ด้วยสติ เราเป็นผู้ใหญ่และมีวุฒิภาวะพอหรือเปล่า

เมื่อถามว่าส่วนตัวมองอย่างไรกับข้อเรียกร้อง 10 ข้อ นายธนาธรกล่าวว่า “นี่สิทธิขั้นพื้นฐานของประชาธิปไตย สังคมควรจะนำเรื่องนี้มาคุยกันอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา” เมื่อถามต่อว่าส่วนที่มีกลุ่มคนบางส่วนรับไม่ได้กับ 10 ข้อเรียกร้อง เพราะมองว่าเป็นการจาบจ้วงนั้น นายธนาธรตอบว่า “มีข้อไหนจาบจ้วง” ผู้สื่อข่าวตอบว่าหมายถึงการแสดงออกของนักศึกษา นายธนาธรกล่าวตอบว่า “ขอให้แยกระหว่างเรื่องเนื้อหาข้อเรียกร้องกับท่าที เพราะท่าทีอาจทำให้คนบางกลุ่มไม่สบายใจอยู่บ้าง แต่ใจความหลักจริงๆ คือเนื้อหา

Advertisement

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ออกแถลงการณ์โดยมีเนื้อหาไม่ต้องการเห็นความแตกแยกในสังคม นายธนาธรกล่าวว่า สิ่งที่สังคมไทยต้องการตอนนี้ถือการเปิดใจรับฟังกัน สังคมจะเดินไปสู่การหาทางออกด้วยสันติได้อย่างไร ถ้าในเมื่อเดิม พล.อ.ประยุทธ์ให้ฟังนักศึกษา ให้ตั้ง กมธ.รับฟังข้อเสนอข้อเรียกร้องของนักศึกษา แต่ในเวลาเดียวกันกลับไปดำเนินการจับกุมคุกคาม นี่แสดงให้เห็นว่าไม่มีความจริงใจรับฟังนักศึกษา ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า ให้กลับมาสนใจเรื่องเศรษฐกิจปากท้องนั้น ตนคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในตำแหน่งนายกฯ มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดด้วยมาตรา 44 มา 5 ปีก่อนการเลือกตั้ง และอยู่ในตำแหน่งโดยที่มีอำนาจในการบริหารมาอีก 1 ปีกว่าๆ หลังการเลือกตั้ง ถ้ามันจะสำเร็จทำให้เศรษฐกิจไทยไปข้างหน้าได้ รับมือกับโควิดและปัญหาเศรษฐกิจ มันคงสำเร็จไปตั้งนานแล้ว

นายธนาธรกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าสถานการณ์ขณะนี้ท้าทายอย่างมาก อยากจะขอสื่อมวลชนว่า วิธีการที่จะหลีกเลี่ยงความรุนแรงหรือพาสังคมไปสู่ทางตันได้นั้น พี่น้องสื่อมวลชนถือว่าสำคัญมากในการเปิดพื้นที่ให้สิ่งที่นักศึกษาพูด ต้องทำให้มันเป็นเรื่องปกติในสังคมที่พูดคุยกันด้วยเหตุผล ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยไม่เป็นไร แต่จะทำให้เรากลับมาพูดคุยกันด้วยเหตุผล ด้วยสติ อย่าให้กลุ่มคนที่กระเหี้ยนกระหือรือต้องการให้การกำราบปราบปรามกลายเป็นเสียงที่ดังในสังคมได้ ดังนั้น สื่อต้องเปิดพื้นที่ให้มากที่สุดเพื่อให้เสียงกระเหี้ยนกระหือรือปราบปรามนักศึกษาเบาลงได้

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าจะซ้ำรอยเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 นายธนาธรกล่าวว่า ต้องถามผู้นำกองทัพว่า จะนำไปสู่เหตุการณ์นั้นหรือไม่ สิ่งที่เราเห็นขณะนี้คือการยุยงปลุกปั่นของกลุ่มคนบางกลุ่มให้เกลียดชังกัน เราจะหยุดยั้งสิ่งต่างๆ เหล่านั้นได้ด้วยการนำเรื่องนี้ให้อยู่บนโต๊ะ คุยกันด้วยเหตุผลและสติ การปราบปรามแก้ปัญหาไม่ได้ ประวัติศาสตร์พิสูจน์ว่า การไม่เผชิญหน้ากับความจริงแก้ปัญหาไม่ได้ เราต้องการผู้ใหญ่ในสังคมที่มีวุฒิภาวะ ทั้งสื่อ นักวิชาการ สหภาพแรงงาน และกลุ่มคนทั้งสังคม ออกมาพูดเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาในที่สาธารณะมากขึ้น จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image