“ณัฏฐพล” ไม่หวั่นปชช.ตะโกนไล่ ชี้ต้องก้าวข้ามการยั่วยุ สั่งรร.เปิดเวทีรับฟังความเห็นนร.20สค.นี้

‘ณัฏฐพล’ ไม่หวั่นปชช.ตะโกนไล่ ชี้ต้องก้าวข้ามการยั่วยุ สั่งร.ร.เปิดเวทีรับฟังความเห็น น.ร.20 ส.ค. พร้อมปรับแก้กฎระเบียบให้ทันสมัย ขณะที่ตัวเเทนวอนฟังเสียงเด็กขอเติบโต แตกต่างอย่างงดงาม

ผู้สื่อรายงานว่า จากนั้นเวลา 17.50 น. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว. ศธ. ได้เดินทางกลับเข้ากระทรวง จากนั้นให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ว่า ตนได้รับฟังความคิดเห็นจากนักเรียนที่นั่งตอนท้าย เพราะนักเรียนให้นั่งตรงนั้น จริงๆแล้วเรื่องที่เรียกร้องไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองเท่าไร การเมืองเป็นส่วนหนึ่งดีใจที่น้องๆ ให้ความสนใจอนาคตของตัวเอง ทุกเรื่องที่เรียกร้องอยู่ในกระบวนการดำเนินการ เพราะมีปัญหาช่องทางสื่อสารระหว่างผู้บริหารศธ.กับนักเรียน ดีใจที่นักเรียนออกมาพูด ตนเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็น โดยจะรวบรวมข้อมูลเพื่อนำหาทางแก้ไขต่อไป โดย ตนได้ย้ำว่า ในทุกเรื่องที่เสนอมาขอให้คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก

นายณัฏฐพลกล่าวต่อว่า ทั้งนี้นักเรียนได้มีการพูดถึงงบประมาณของศธ.ที่ได้มาก แต่ยังไม่พัฒนาเพียงพอ ก็สะท้อนว่างบลงไปไม่ถึงตัวเด็ก การเรียนภาษาอังกฤษ ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ส่วนเรื่องการแสดงออกทางการเมือง ตนได้ย้ำว่าจะไม่มีการคุกคามจากครูและเจ้าหน้าที่ ต่อการแสดงออกของนักเรียนหวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี สิ่งที่ตนจดมามีหลายประเด็นที่ต้องปฏิรูป

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำอย่างไรต่อคุกคามเด็กในโรงเรียน นายณัฏฐพล กล่าวว่า สิทธิการแสดงออกเป็นของเด็กครูก็ต้องเข้าใจ โดยศธ.จะย้ำไปอีกครั้ง ถ้าตนมีโอกาสได้ขึ้นเวที จะแสดงความเห็นว่า การที่น้องๆ แสดงบทบาท และให้ความสนใจในอนาคตของตนเองแบะอนาคตของประเทศชาติเป็นเรื่องที่ดี การรับฟังต้องเข้าใจบริบทข้อมูลอย่างถี่ถ้วน การแสดงออกในความคิดที่เห็นต่างควรเป็นสิทธิแต่ไม่ควรให้เกิดการบูลลี่หรือคุกคาม และจะบอกว่าอนาคตของประเทศอยู่ที่พวกเขา ว่าพวกเขาตะขับเคลื่อนประเทศไปทางไหน และหากจะแสดงออกทางความคิด ขอให้คำนึงถึงพิจารณาดีหากการกระทำใดกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุน และจะส่งผลกระทบต่อเขาในอนาคตหรือไม่

ถามต่อว่า คิดเห็นอย่างไร เมื่อมีประชาชนขับไล่ นายณัฏฐพล กล่าวว่า ไม่เป็นไร วันนี้ต้องก้าวข้ามการยั่วยุ หรือความตั้งใจที่จะสร้างความแตกแยก ไม่เช่นนั้นประเทศเดินไปข้างหน้าไม่ได้ วิกฤตนี้หนักหนาสาหัส เราต้องจับมือเดินไปด้วยกันเพื่ออนาคตของเรา และการแสดงสัญลักษณ์เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออก ต้องสร้างความเข้าใจในหลายเรื่อง น้องๆ สงสัยว่าทำไมไม่ใส่เข้าไปในหลักสูตร อย่างเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 ตรงนี้ไม่เป็นไร ก็พร้อมที่จะใส่เรื่อวเหล่านี้เข้าไป อะไรที่ขาดก็พร้อมใส่เข้าไปแต่ก็ต้องมาดูเหตุการณ์ในช่วงเวลาอื่นๆ ด้วย

Advertisement

“การเปิดโอกาสให้เด็กแสดงออกจะลดความกดดัน ที่จะให้เด็กแสดงออกผ่านเวทีชุมนุม และถ้าสามารถรวบรวมความคิดเห็นขอบนักเรียนได้ทั่วทั้งประเทศ ในระดับมัธยมและประถมศึกษา ได้จะเป็นการลดความกดดัน โดยจะเริ่มรับฟังนักเรียนวันที่ 20 สิงหาคม ผ่านกรรมการสถานศึกษา การแสดงออกสามารถทำได้ แต่ยึดกฎระเบียบของประเทศด้วย การแสดงออกที่ก้าวร้าว การให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอาจไม่ส่งผลดี การนั่งพูดคุยอาจเป็นเรื่องดีกว่ามาสร้างบรรยากาศให้เกิดความแตกแยก” นายณัฏฐพล กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเปิดเวทีใหญ่รับฟังความคิดเห็นนักเรียนนักศึกษา เมื่อไหร่ นายณัฏฐพล กล่าวว่า จะต้องถามว่าทางแกนนำพร้อมหรือไม่ ทุกอย่างต้องทำด้วยความเข้าใจเปิดกว้าง ขนาดวันนี้ยังไม่มีความพร้อมให้ตนขึ้นไปพูด

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำอะไรหรือไม่ นายณัฏฐพล กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี เน้นน้ำว่าทุกอย่างต้องทำด้วยความเข้าใจเปิดกว้าวในการรับฟัง ตนมีหน้าที่โดยตรงในการรับผิดชอบโรงเรียนดังนั้นจะเปิดเวทีตรวนี้เพื่อรับฟังความคิดเห็น

Advertisement

ผู้สื่อจ่าวรายงานว่า จากนั้นนักเรียนแกนนำได้เข้าพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการศธ. โดยนักเรียนกล่าวว่า การศึกษามีปัญหามานาน ไม่ได้รับการแก้ไข เรารู้สึกว่าควรได้รับการเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นอยากให้ความล้าหลังของกฎระเบียบ เรื่องทรงผม เครื่องแบบนักเรียน ขณะที่บางโรงเรียนไม่ได้มีการรับฟังนักเรียน อยากให้มีการปรับหลักสูตร โดยเฉพาะสุขศึกษา ซึ่งมีการปลูกฟังค่านิยม หลายเรื่องทั้งให้ผู้ชายเป็นใหญ่ ผู้ชายแข็งแรงกว่าผู้หญิง หลายอย่างในหลักสูตรพยายามตีกรอบบีบอัดนักเรียน ไม่สอนให้เคารพความหลากหลาย รู้จักสิทธิเท่าที่ควร อยากให้ศธ. กลับมาปกป้องนักเรียน ศธ.ไม่เคยออกมาปกป้องนักเรียนได้เลย อย่างประกาศทรงผม ออกมาแล้วก็ไม่มีผลบังคับใช้ นักเรียนยังถูกคุกคามอยู่ทุกวัน ทุกเวลา อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ให้เด็กรุ่นต่อไปไม่ต้องเจออะไรแบบนี้ ให้เด็กเติบโตเป็นต้นไม่ที่แตกต่างหลากหลาย งดงามเป็นตัวของตัวเอง

นอกจากนี้ยังมีเรื่องคุณภาพครู ซึ่งมีภาระงานมากทำแบบประเมิน ครูบางคนสอนไม่รู้เรื่อง เด็กต้องไปพึ่งกวดวิชา อยากให้โรงเรียนมีคุณภาพเท่าเทียมกันเด็กจะได้ไม่ต้องพึ่งกวดวิชา ที่สำคัญอยากให้นโยบายที่ออกมาบังคับใช้ได้จริง อยากให้มีการลงไปตรวจสอบจริงๆ แบบไม่ใช่ผักชีโรยหน้า ทำให้เราไม่พัฒนาไปไหน

นายณัฏฐพล กล่าวว่า รู้สึกดีใจ หลายเรื่องที่น้องๆ พูดเกี่ยวกับคุณภาพการศึกษา เหมือนคลื่นใต้น้ำที่ซ่อนอยู่ รอวันปะทุ ตนพยายามแก้ไข วันนี้สถานการเปลี่ยนแปลงไป ก็ต้องแก้ไขในรูปแบบใหม่ กฎระเบียบที่ล้าหลังรัฐมนตรีทุกคนต้องมาประเมินเพื่อแก้ไจ ขณะที่เรื่องทรงผม ตนเห็น และเร่งแก้ไข ส่วนเรื่องหลักสูตร พร้อมปรับเปลี่ยนและจะเปิดกว้างให้น้องๆ นำเสนอ แต่ต้องหาช่องทางเปิดกว้าง ที่ไม่เป็นผลเสียกับเด็กคาดว่า ภายใน1 สัปดาห์น่าจะทำได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image