“วิชา” เผย 31 ส.ค.นี้ส่งรายงานคดีบอสถึงมือนายก ไม่ชัวร์จะเผยแพร่ต่อสาธารณะได้หรือไม่

“วิชา” เผย 31 ส.ค.นี้ส่งรายงานคดีบอสถึงมือนายก ไม่ชัวร์จะเผยแพร่ต่อสาธารณะได้หรือไม่

เมื่อวันที่ 26 ส.ค.63 นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เปิดเผยภายหลังการติดตามความคืบหน้า กรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอสที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 ว่าได้หารือกันเพื่อทำรายงานเสนอให้นายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่ 3 โดยจะทำโครงสร้างและรวบรวมเพื่อนำไปสู่การทำรายงานฉบับใหญ่เพราะครบกำหนด 30 วัน โดยจะยื่นให้นายกฯได้รับทราบในวันที่ 31 ส.ค.นี้ อย่างไรก็ตามบางประเด็นอาจจะยังไม่สมบูรณ์ เพราะเวลา 30 วันถือว่าน้อยมาก ทำงานกันทั้งวันทั้งคืน ไม่ได้หยุด และถือว่าเป็นภาระอันหนักหนามาก เพราะต้องมารับฟังเรื่องหนักๆ ทั้งนั้น และถึงที่สุด ถือว่าเราได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการเสนอนายกรัฐมนตรีในประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ ทั้งการทำสำนวนคดีตั้งแต่แรกว่ามีข้อบกพร่องอะไร และขั้นตอนของอัยการก็ใช้เวลานานเนื่องจากมีการร้องขอความเป็นธรรมหลายครั้ง สิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งคือ เราได้ขอความเห็นจากอดีตอัยการสูงสุดถึง 4 คน เพื่อให้ช่วยดูว่ากรณีที่เกิดขึ้นนี้เป็นกรณีที่ขาดตกบกพร่องหรือไม่อย่างไร และควรจะปรับปรุงอะไรมาก ทั้งหมดก็ถือเป็นประโยชน์มาก

นายวิชากล่าวว่า ทั้งนี้จะนำไปสู่การประกอบความเห็นเพื่อให้แน่ใจว่าจุดบอด จุดบกพร่องของเรื่องนี้อยู่ตรงไหน ทั้งนี้ยังเหลือเวลาอีก 5 วัน ที่จะต้องสรุปภาพรวมทั้งหมด เพื่อดูว่ามีประเด็นใดบ้างต้องแก้ไข แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดถึงการปฏิรูปกฎหมาย เพราะทราบว่าท่านจะให้ต่อเวลาอีก 30 วัน แต่ก็สุดแล้วแต่นายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากมีร่างกฎหมายรอผ่านการพิจารณาในสภาอยู่ คือ ร่าง พ.ร.บ.สอบสวนคดีอาญา ทั้งนี้ข้อสรุปดังกล่าวจะเผยแพร่ได้หรือไม่นั้น อยู่ที่นายรัฐมนตรีจะเห็นสมควรว่าจะให้มีการเผยแพร่หรือไม่ ตนคงไม่สามารถก้าวล่วงอำนาจได้

“การจัดทำข้อสรุปคดีนี้ เราเพียงแต่ทำให้เห็นภาพว่าข้อบกพร่องขององค์กรเป็นอย่างไร ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นด้วยกับรายงานของเราที่บอกว่าการเป็นผู้บังคับบัญชาหรือผู้นำสูงสุดขององค์กรต้องรับผิดชอบ จะไปสั่งการแล้วบอกว่าไม่ติดตามไม่ดูแลไม่ได้ แต่จะต้องลงลึกถึงตรงนั้น ส่วนจะรับผิดชอบแค่ไหนเพียงไรต้องไปดูรายละเอียด เพราะเราพูดกันมากว่า ถึงไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดระเบียบ ก็อาจจะผิดจริยธรรม ในรัฐธรรมนูญปี 2560 ก็บอกว่าหากผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงก็จะถูกดำเนินการเหมือนกัน”นายวิชากล่าว

นายวิชากล่าวว่า ส่วนกรณีที่บุคคลที่เข้าข่ายจริยธรรมมีกี่คนนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ลงในรายละเอียด แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่ามีใครบ้างที่ควรจะต้องรับผิดชอบอย่างไร ถึงขนาดไหน ตรงนี้คือสิ่งที่การตรวจสอบจะต้องทำให้ปรากฏ อันนี้หนีไม่พ้น แต่เราจะไม่บอกว่าเขาผิดอย่างนู้น อย่างนี้ แต่เราจะบอกว่า การกระทำของเขา มันส่อ หรือมันแสดงเห็นพฤติกรรมได้ว่า มันเป็นเช่นนั้น สมควรที่จะดำเนินการให้หน่วยงานใดที่จะตรวจสอบต่อไป เพราะจะต้องไปตรวจสอบในเชิงลึก

Advertisement

“รายงานที่จะส่งถึงนายกรัฐมนตรีจะมีทั้งบุคคล มีทั้งคนที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่สามารถบอกได้ว่ามีใครบ้าง เพราะยังไม่ได้มีการลงมติในเรื่องนี้กันเลย” นายวิชากล่าวและว่า ส่วนการออกหมายจับครั้งใหม่ของนายวรยุทธ ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากคณะกรรมการฯชุดนี้ที่ได้แจ้งกับ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ว่ามีข้อบกพร่องตรงไหนบ้าง ส่วนการเชิญ พ.ต.อ.รณชัย รอดลอย ผกก.สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ มาชี้แจงเรื่องการเสียของนายจารุชาติ มาดทอง พยานสำคัญในคดีนี้ นายวิชา กล่าวว่า ทราบว่ามีการแยกคดีออกเป็น 2 กรณี คือ 1.กรณีอุบัติเหตุ ที่เขาไม่พบสิ่งผิดปกติ 2.กรณีพบสิ่งผิดปกติจากพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับเพื่อนหรือคนรอบข้างนายจารุชาติ ที่มาจากเรื่องของโทรศัพท์มือถือ ที่ได้ความว่าถูกทำลาย ที่ยังเป็นข้อสงสัยอยู่ว่าถูกทำลายได้อย่างไร และอยู่ระหว่างการสอบรายละเอียดรวมถึงสอบเส้นทางการเงินด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image