“สิระ” ยัน ไม่มีการตั้ง “เสี่ยโป้” เป็นที่ปรึกษากมธ. ลั่น อยากทำงานกับ “วัน อยู่บำรุง” ส่วมปม “เต้” ขอโทษ บอก “ทางใครทางมันแล้วกัน” แนะ ถ้ารู้ว่าใจร้อนก็ให้ยึดข้อกม.-พูดให้น้อยลง
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 28 สิงหาคม นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะทำงานแก้ปัญหา ศึกษาการพนัน และบ่อนการพนันออนไลน์ ในคณะกมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน มีการแต่งตั้งให้นายอภิรักษ์ ชัยอานนท์ หรือเสี่ยโป้เป็นที่ปรึกษากมธ.ว่า ที่ประชุมกมธ.เราพยายามที่จะหาช่องทางในการปราบปรามธุรกิจบ่อนออนไลน์ จึงได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้ามาร่วมประชุม โดยหนึ่งในนั้นมีพ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ และเสี่ยโป้ด้วย ทั้งนี้ ไม่ได้มีแค่ 2 คน โดยต่อไปจะมีการเชิญทางตำรวจและเจ้าหน้าที่ไอซีที เข้ามาร่วมประชุมด้วย ประเด็นที่เกิดขึ้นคือ หลังจากการแถลงข่าว ตนไม่ทราบว่าประเด็นไปเลื่อนตรงไหนว่ามีการแต่งตั้งเสี่ยโป้เป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน ซึ่งตำแหน่งอนุกรรมาธิการทุกชุดจะต้องผ่านคณะกรรมาธิการชุดใหญ่ ไม่ใช่แต่งตั้งกันโดยเราได้ ทั้งสองไม่ได้มีตำแหน่งในคณะทำงาน เพียงแต่เราได้มีหนังสือเชิญมาชี้แจงเกี่ยวกับการพนันออนไลน์เท่านั้น
เมื่อถามถึงกรณีนายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) ลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาประธานกมธ.นั้น นายสิระ กล่าวว่า เมื่อสักครู่ได้คุยกับนายวันไปแล้ว ซึ่งนายวันก็ยืนยันที่จะลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษา ทั้งนี้ เราเห็นว่าท่านเป็นผู้มีความรู้ความสามารถที่จะช่วยงานกมธ.ได้ เมื่อท่านปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งนี้ ตนก็เสนอตำแหน่งว่าจะเป็นกมธ.เลยหรือไม่ ท่านก็ขอกลับไปดูก่อนว่าท่านมีเวลาหรือไม่ ซึ่งตนก็อยากร่วมงานกับท่านวันอยู่แล้ว ท่านจะได้ช่วยประชาชนเพราะแนวทางของเราคล้ายๆกัน
เมื่อถามถึงกรณีที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ออกมาขอโทษนายสิระนั้น นายสิระถามกลับว่า ขอโทษจริงหรือเปล่า ทั้งนี้ ตนก็ยังให้ความเห็นว่าไม่ว่าใครก็ต่างควรจะยึดระเบียบข้อบังคับและกฎหมายเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่มีอารมณ์อะไรแล้วก็เอาอารมณ์มาว่ากันตรงนั้น
เมื่อถามย้ำว่า ถ้านายมงคลกิตติ์มาขอโทษด้วยตัวเอง จะยอมให้อภัยและผ่อนปรนเรื่องคดีความหรือไม่ นายสิระ กล่าวว่า ความผิดสำเร็จแล้วก็ให้กระบวนการยุติธรรมเดินไป และถ้ารู้ว่าตัวเองใจร้อนก็ควรยึดระเบียบข้อบังคับ เราเป็นส.ส.ต้องเป็นตัวอย่าง ปัญหาทั้งหมดเกิดจากการที่นายมงคลกิตติ์ไปพูดพาดพิงถึงนายกรัฐมนตรีและเมื่อวานก็ยังพูดอีก ถ้าไม่ทำให้หลาบจำจะทำพฤติกรรมอย่างนี้ตลอดหรือไม่
“คำพูดออกจากปากของผู้แทนราษฎรเป็นคำพูดที่มีศักดิ์ตามกฎหมาย ก็ควรจะพิจารณาก่อนพูด และควรกลับไปมองตัวเองว่า เมื่อพูดแล้วต้องออกมาขอโทษนั้น ก็พยายามพูดให้น้อยลงหน่อยดีมั้ย อย่างไรก็ตาม ก็ทางใครทางมันแล้วกัน อะไรที่เข้าสู่กระบวนการทางคดีแล้ว ก็ให้มันดำเนินการของมันไปตามกระบวนการยุติธรรม” นายสิระ กล่าว
