09.00 INDEX ผลสะเทือน จากกรณี “เรือดำน้ำ” ถึงเหมืองอัครา และรัฐธรรมนูญ
กรณีการชะลองบประมาณจัดซื้อ ”เรือดำน้ำ” ลำที่ 2 และลำที่ 3 ของกองทัพเรือ จะกลายเป็น ”กรณีศึกษา” และจะส่งผลสะเทือนไปยังงบ ประมาณอันเกี่ยวกับ ”เหมืองทองอัครา” อย่างแน่นอน
แม้ทางด้านรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงกลาโหมจะสรุปว่าท่าทีในการชะลอนี้แสดงถึงความเสียสละ ความใจกว้างของรัฐบาล
แต่หากมองผ่านท่าทีไม่ว่าจะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และไม่ว่าจะของกองทัพเรือ ก่อนหน้านี้ที่แข็งกร้าวเป็นอย่างยิ่ง
แข็งกร้าวในการยืนยันความถูกต้อง ความชอบธรรม ความเหมาะสม
โดยเฉพาะการเน้นในทิศทางทางด้าน ”ยุทธศาสตร์”
ก็ต้องยอมรับว่า ไม่ได้แสดงแววหรือแนวโน้มที่จะผ่อนปรนเลยแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่ที่ต้องยอมจำนนแสดงท่าทีอันเป็นสุภาพบุรุษออกมาก็เนื่องจากตกอยู่ในภาวะไม่อาจเดินหน้าได้
เนื่องจากกระแสต่อต้าน เนื่องจากกระแสของสังคมได้ขึ้นสู่กระแสสูงอย่างเห็นเด่นชัด
ตัวอย่างจากกรณีของ ”เรือดำน้ำ” สะท้อนให้เห็นว่าเสียงข้างมากมิได้เป็นปัจจัยชี้ขาดความถูกต้อง ความเหมาะสม ความชอบธรรมประการเดียวในทางการเมือง
เพราะหากมองจาก ”อำนาจ” ของเสียงข้างมากที่มีอยู่ มองจากจำนวนของรัฐบาลในคณะกรรมาธิการวิสามัญ
มองจากสัดส่วนของกรรมาธิการจากทางด้านคณะรัฐมนตรี มีจำนวนทั้งสิ้น 18 คน มองจากกรรมาธิการทางด้านพรรคร่วมรัฐบาล มีจำนวนทั้งสิ้น 30 คน
รวมแล้วเท่ากับ 48 คน ขณะที่กรรมาธิการจากทางด้านของฝ่ายค้านมีเพียง 24 คนเท่านั้น จำนวนของทางด้านรัฐบาลจึงมีความ เหนือกว่าถึง 24 คน
แต่รัฐบาลก็ไม่สามารถอาศัยเพียงจำนวนเท่านั้นมาเอาชนะ
เพราะว่าที่ยืนอยู่เบื้องหลัง 24 คนของฝ่ายค้านคือมวลมหาประชาชนที่ไม่ต้องการ ”เรือดำน้ำ”
จากกรณีของ ”เรือดำน้ำ” แม้รัฐบาลจะอ้างความใจกว้าง อ้างความ เสียสละ แต่เชื่อได้เลยว่าสังคมมองออกว่าแรงกดดันอย่างแท้จริงมา อย่างไร
นี่จะเป็นบทเรียนอย่างสำคัญต่อเนื่อง ไปยังกรณีงบประมาณอันเกี่ยวกับการต่อสู้คดี ”เหมืองทองอัครา”
และต่อเนื่องไปยังกรณีของ ”รัฐธรรมนูญ” อย่างแน่นอน