‘ณัฏฐพล‘ พร้อมรับม็อบนักเรียนเลว ไม่ปิดกั้นการแสดงออก เผย เสียงสะท้อนจากเวทีถกใน ร.ร. พบปัญหาครูอาจารย์-อนาคตการศึกษาไทย
เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 1 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีที่กลุ่มนักเรียนเลว ประกาศนัดชุมนุมหน้ากระทรวงศึกษา ในวันที่ 5 กันยายน เพื่อทวงถามความคืบหน้าข้อเรียกร้องต่างๆ ว่า หลังจากที่กลุ่มนักเรียนเลวมาชุมนุมที่หน้ากระทรวงศึกษา เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ก็ทำให้เราได้รับทราบข้อมูลต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับปัญหาด้านการศึกษา โดยในวันนั้นตนได้สื่อสารให้เขารับทราบถึงแนวทางที่กระทรวงศึกษาธิการจะดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่ในแผนงานของกระทรวงศึกษาอยู่แล้ว เรื่องการแสดงออกในวันที่ 5 กันยายนนี้ ตนได้เชิญนักเรียนกลุ่มดังกล่าวเข้ามาพูดคุยในที่กระทรวงฯ แต่กลุ่มดังกล่าวต้องการใช้พื้นที่สาธารณะด้านหน้ากระทรวงฯในการแสดงออก เพราะต้องการให้คนอื่นๆ ได้มาร่วมแสดงออกถึงความคิดเห็นต่างๆ ด้วย ซึ่งตนก็ไม่มีปัญหาอะไร ทั้งนี้ พร้อมจะออกไปรับฟังความคิดเห็นของนักเรียนหากเขาต้องการ เพราะทราบว่าจะมีการชุมนุมประมาณ 2 ชั่วโมง และตนยินดีที่จะไปพูดคุยกับในเรื่องของการศึกษา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าการให้แต่ละโรงเรียนเปิดเวทีให้เด็กๆ แสดงความคิดเห็น และขณะนี้มีการส่งข้อมูลรายละเอียดมาให้กระทรวงฯรับทราบความต้องการของเด็กๆ อย่างไรบ้าง นายณัฏฐพลกล่าวว่า ได้ส่งข้อมูลมาให้แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา อนาคตของเด็กนักเรียน รวมไปถึงเรื่องที่เกี่ยวกับครูอาจารย์ และอนาคตการศึกษาไทย ที่บรรดาเด็กนักเรียนเห็นว่าควรจะมีการปรับปรุง หลังจากที่เรารวบรวมข้อมูลเหล่านี้มาแล้วจะมีการอธิบายให้ทุกคนทราบว่าเรื่องใดบ้างที่ทางกระทรวงฯได้ดำเนินการแล้ว และเรื่องใดบ้างที่ทางกระทรวงฯไม่สามารถดำเนินการได้ แต่ส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่เราอยากปรบปรุงการศึกษาไทยอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกลุ่มไทยภักดี ได้เปรียบเทียบการชุมนุมของนักเรียนนักศึกษาในขณะนี้ว่าจะถูกชักจูงให้กลายเป็นเหมือนกลุ่มเรดการ์ดที่ปลูกฝังลัทธิชังชาติ ว่า กลุ่มไทยภักดีเป็นการแสดงออกอีกด้านหนึ่งที่ต้องการจะปกป้องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยเขายืนยันว่าจะไม่กระทำการที่เป็นม็อบชนม็อบ ซึ่งเราก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าการเคลื่อนไหวของทั้งสองกลุ่มที่มีความเห็นแตกต่างกันจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าเรื่องที่สำคัญคือต้องช่วยกันทำความเข้าใจ ว่าทุกคนควรจะดำเนินไปในทางไหนในการทำให้ประเทศชาติเกิดความสงบ และไม่ว่าจะกลุ่มใดจะเคลื่อนไหวอย่างไรก็ควรจะต้องยึดถือผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ
