วิพากษ์‘ปรีดี’ไขก๊อก กระทบเชื่อมั่น กระเทือนรัฐบาล?

วิพากษ์‘ปรีดี’ไขก๊อก
กระทบเชื่อมั่น กระเทือนรัฐบาล?

หมายเหตุความเห็นนักวิชาการและภาคเอกชน กรณีนายปรีดี ดาวฉาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลาออก จะกระทบความเชื่อมั่นรัฐบาล นักลงทุน มากน้อยแค่ไหน และควรจะตั้ง “คนนอก” หรือ “คนของพรรคการเมือง” เข้ารับตำแหน่งแทน

ว่าที่ ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์
รองประธานกรรมการหอการค้าไทย

การลาออกของนายปรีดี ดาวฉาย เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและภาคเอกชน ส่วนตัวมีความคิดเห็นว่าใครที่เข้ามาดำรงตำแหน่งนี้ในช่วงเวลานี้ต้องรับบทหนักทุกคน

แต่ในกรณีของนายปรีดี ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งภาคเอกชนได้ประเมินการไว้เบื้องต้นแล้วว่าต้องโดนรับน้องเละแน่นอน

Advertisement

สำหรับเหตุผลเรื่องการลาออกที่บอกว่าเป็นเรื่องของสุขภาพ เชื่อว่าจริง เพราะการทำงานสุขภาพต้องมาก่อน

แต่เรื่องที่หลายฝ่ายกังวลว่าหลังจากที่นายปรีดีลาออกไปทุกอย่างจะหยุดชะงัก ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้

ส่วนตัวคิดว่าอาจมีความกังวลมากเกินไป ตอนนี้ยังไม่มีผลกระทบถึงขั้นนั้น ทุกอย่างยังดำเนินการได้ตามปกติ

Advertisement

แต่ถ้าจะให้ความเชื่อมั่นกลับมาโดยเร็ว รัฐบาลต้องออกมาชี้แจงเหตุผลที่แท้จริง นายปรีดีลาออกเพราะอะไร ถ้าเป็นเรื่องสุขภาพจริงต้องมีหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากผลกระทบทางการเมืองบีบให้ต้องลาออก

ส่วนประเด็นที่ว่าใครจะมาแทน นายปรีดี ตอนนี้มองว่าคนที่เข้ามาดำรงตำแหน่งนี้ต้องเป็นคนที่มีความสามารถ ทนต่อแรงกดดันได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นภาคเอกชน แต่ถ้าเป็นนักการเมืองก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าสามารถขับเคลื่อนนโยบายได้จริง และไม่ทำงานแบบลักษณะทำคนเดียว ต้องฟังความคิดเห็นจากหลายภาคส่วนประกอบด้วย เพราะเรื่องการเงินการคลัง โดยเฉพาะการใช้จ่ายในภาครัฐถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญ ต้องมีการวางแผนที่ดี

รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย
คณะรัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช

การลาออกของคุณปรีดีส่งผลต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาลแน่นอน เห็นได้ว่าก่อนหน้านี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงทีมเศรษฐกิจ หลังจาก ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ 4 กุมารลาออกก็ปรากฏปัญหาการสรรหาบุคลากรทางการเมืองเข้ามานั่งทีมเศรษฐกิจ เราเห็นชื่อหลายท่าน

แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ หรือเงียบไปบ้าง จนท้ายที่สุดก็เป็นชื่อคุณปรีดี ดาวฉาย กับคุณสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์

ทั้งนี้ ช่วงก่อนนี้ก็มีข่าวว่าคุณปรีดีจะเป็นรองนายกฯควบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่ท้ายที่สุดกลายเป็นคุณสุพัฒนพงษ์ที่นั่งรองนายกฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคำถามที่สังคมมีมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว อีกทั้งปัญหาการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องภาวะเศรษฐกิจ ตั้งแต่ก่อนโควิด-19 มาจนถึงหลังโควิด-19

เมื่อเห็นภาพเหล่านี้แล้วจะพบว่าความเชื่อมั่นของรัฐบาลมีปัญหามาตั้งแต่เดิม ขณะเดียวกัน เมื่อคุณปรีดีลาออกยิ่งทำให้เกิดคำถามอีกว่า สาเหตุที่ลาออกเพราะเรื่องภายในรัฐบาล หรือเป็นเพราะได้รับทราบถึงสถานการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจ

จึงทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการทำงานต่อ แม้เหตุผลที่คุณปรีดีให้ไว้คือเป็นปัญหาเรื่องสุขภาพก็ตาม

วันนี้รัฐบาลยังประสบปัญหาเรื่องการเมืองทั้งในและนอกสภา แม้ว่าในสภา พรรคร่วมรัฐบาลจะไม่อยู่ในสภาวะปริ่มน้ำแล้ว

แต่แน่นอนว่าการเมืองที่เป็นแบบรัฐบาลผสมคงหนีไม่พ้นอำนาจต่อรองที่ค่อนข้างเยอะ อีกทั้งการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ก็มีมาโดยตลอด แม้กระทั่งพรรคแกนนำอย่างพลังประชารัฐเอง

ขณะเดียวกัน การเมืองนอกสภาก็คือการชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษาต่างๆ ก็เป็นปัญหาที่รอให้รัฐบาลมาแก้ไข รวมถึงการร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อเป็นแบบนี้เห็นได้ชัดเจนว่าปัญหาได้ส่งผลกระทบ และยังไปผนวกกับปัญหาอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวรัฐบาล

เป็นที่น่าสังเกตว่าหากคุณปรีดีมีปัญหาสุขภาพจริง คงไม่ได้มีปัญหาในช่วงเวลากว่า 20 วันที่ทำงานอยู่ ถ้ามีปัญหาสุขภาพน่าจะปฏิเสธการทำงานตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว

ดังนั้น สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้คงเป็นเรื่องการเมืองอันดับแรก

ก่อนหน้านี้ก็มีความเห็นไม่ลงรอยกันระหว่าง รมว.กับ รมช.คลัง แน่นอนว่าเมื่อเป็นคนที่ไม่ได้สัมผัสงานการเมืองเท่าไหร่ ไม่ได้มีภูมิต้านทานทางการเมืองสูง เมื่อต้องมาเผชิญสภาวการณ์ทางการเมือง ประกอบกับเป็นรัฐบาลผสม ยิ่งทำให้การตัดสินใจออกจากตำแหน่งเป็นไปได้มากขึ้น

ดังนั้น นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเอกภาพในการทำงาน เพราะฝ่ายการเมืองอาจเน้นทำงานการเมือง แต่คนนอกที่เข้ามาอาจไม่ได้ต้องการเรื่องการแทรกแซงการทำงาน

ส่วนตัวคิดว่า รมว.คลังคนใหม่ควรเป็นคนนอก เพราะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบันนี้มีภารกิจต่างๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือการขับเคลื่อน พ.ร.บ. 3 ฉบับซึ่งได้เปลี่ยนสภาพมาจาก พ.ร.ก. และ รมว.คลังมีบทบาทสำคัญต่อสิ่งเหล่านี้ เนื่องจากจะเข้าไปอยู่ในกลไกขับเคลื่อนต่างๆ ดังนั้น หากให้คนในหรือนักการเมืองเข้ามาย่อมเกิดคำวิพากษ์วิจารณ์ด้านความโปร่งใส เรื่องการทำงานเพื่อตอบสนองต่อฐานเสียงซึ่งอาจเกิดขึ้นได้

ทั้งนี้ คนนอกที่เข้ามาก็อาจต้องพิจารณาผู้ที่มีภูมิต้านทานทางการเมืองที่สูงหน่อย หากมีภูมิต้านทานทางการเมืองไม่เยอะ และมาเจอภาวะรัฐบาลผสม หรือสภาวะการเมืองที่มีเรื่องการต่อรองต่างๆ อาจทำให้การตัดสินใจออกจากตำแหน่งเป็นไปได้มากขึ้นคล้ายกับคุณปรีดี ด้านท่านนายกฯเองก็ต้องให้ความเชื่อมั่น ต้องการันตีพอสมควรว่าการทำงานจะต้องปราศจากการแทรกแซง หรือทำหน้าที่อย่างมีอิสระพอควร

เป็นไปได้ค่อนข้างมากทีเดียวที่ พล.อ.ประยุทธ์จะมานั่ง รมว.คลังเอง เนื่องจากสถานการณ์ในตอนนี้ ตัวเลือกทางการเมืองหรือบุคลากรทางการเมืองของท่านนายกฯมีไม่มากนัก ดังที่เห็นก่อนหน้านี้ว่ากว่าจะลงตัวที่คุณปรีดีก็ใช้เวลาพอควร จึงเป็นไปได้ว่าท่านนายกฯจะมาควบเองอีกหนึ่งตำแหน่ง หรืออาจเป็นไปได้อีกทางหนึ่งว่ามีการผลักดัน รมช.คลัง หรือคุณสันติ พร้อมพัฒน์ ขึ้นมา ส่วนทางเลือกที่จะเป็นคนนอก ณ ชั่วโมงนี้เป็นเรื่องยากที่บุคคลจะมีความกล้าเข้ามา รวมถึงเห็นกรณีคุณปรีดีเป็นตัวอย่าง

ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

คุณปรีดีรู้สภาพของตนเองแล้วว่า การทำงานต่อไปในอนาคตจะเจออุปสรรคมากกว่านี้ ตามพื้นฐานแล้ว ความเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ควรมีอิสระในการตัดสินใจ โดยเฉพาะการแต่งตั้งตำแหน่งข้าราชการประจำระดับสูง ซึ่งตามมารยาทและสิทธิในการตัดสินใจ ควรเป็นของรัฐมนตรีว่าการ ไม่ใช่การสอดไส้รายชื่อ ดังที่รัฐมนตรีช่วยว่าการ เสนอชื่อคนอื่นเข้ามา โดยที่ไม่ผ่านความเห็นชอบ

ทั้งนี้ หากเป็นคนที่มีกระดูก หรือพรรษาทางการเมืองแก่กล้าจะรู้เท่าทัน เพียงแต่คุณปรีดีขาดประสบการณ์หรือความเข้าใจภาพตรงนี้ ที่สำคัญ ฝ่ายรัฐมนตรีช่วยว่าการ คุณสันติ พร้อมพัฒน์ ก็คงจะใช้โจทย์นี้เป็นแบบทดสอบวิธีคิด หรือมุมมองการตัดสินใจของคุณปรีดี ว่าหากเจอโจทย์ลักษณะแรงกดดันเช่นนี้จะทำอย่างไร ซึ่งคุณปรีดีเจอบททดสอบที่ไม่เป็นอิสระในการตัดสินใจ สิ่งสำคัญคือคุณประยุทธ์เป็นคนเชิญ ให้เกียรติคุณปรีดีมานั่ง รมว.คลัง ก็ควรจะโอบอุ้มและปกป้องคุณปรีดีมากกว่านี้

ดังนั้น ปัญหาข้ออ้างเรื่องสุขภาพ จึงเป็นสิ่งที่สังคมทั่วไป เดินไปตามถนนก็บอกได้ว่า ไม่น่าจะใช่ เพราะหากเจ้าตัวมีปัญหาสุขภาพแต่เบื้องต้น ก็ควรจะแจ้งหรือแสดงเจตจำนง ปฏิเสธการรับตำแหน่งทางการเมืองดังกล่าว ทั้งนี้ คุณปรีดีอยู่ในสภาวะที่มีแรงกดดัน หรือมีความท้าทายสูงอย่างมาก ปัญหาเรื่องสุขภาพจึงเป็นเหตุผลแก้ตัวที่หาทางออกให้คุณประยุทธ์ดูเท่ ออกมาดูดีที่สุด

ในเบื้องต้น คงกระทบกับความรู้สึกเชื่อมั่นอย่างแน่นอน เพราะปกติกระทรวงการคลัง คือ กระทรวงที่หมายปองของนักการเมือง และคนที่มีภาพลักษณ์-ต้นทุนทางสังคมดีเท่านั้น แน่นอนว่าหากไม่มีการเร่งแต่งตั้ง รมว.คนใหม่ นานไปเข้าจะไม่ดี

สิ่งสำคัญคือ เห็นร่องรอยความผิดปกติอย่างหนึ่ง การที่คุณสันติออกมาแสดงตัวถึงความพร้อม แสดงเจตจำนงว่าสามารถนั่งว่าการได้ อยู่ที่การตัดสินใจของคุณประยุทธ์นั้น เท่ากับว่ามีความขัดแย้งจริง

เท่ากับเป็นการวัดพลังอำนาจในรัฐบาลว่า 1.คุณประยุทธ์ยังรักษาโควต้ากลาง โดยเฉพาะเศรษฐกิจไว้ได้หรือไม่ โจทย์ที่ 2 จะกลายเป็นการสร้างความรู้สึกให้ทุกคนอกสั่นขวัญผวาหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพจากภายนอกจะกล้าอาสามารับเผือกร้อนในสถานการณ์นี้อยู่หรือไม่ เพราะเห็นชัดจากกรณี 4 กุมาร จนมาถึงปรากฏการณ์ของคุณปรีดี ทำให้ต้องชั่งใจอย่างหนัก อำนาจหรือตัวเลือกที่คุณประยุทธ์ปรารถนาจะใช้คนนอกมานั่งจึงแคบและเหลือตัวเลือกน้อยลงไปทุกที

ดังนั้น คนที่จะเป็น รมว.คลัง ต้องมีภาพลักษณ์ที่ใช้ได้ และมีประสบการณ์ทางการเมืองมาก่อน เพราะคนที่อยู่การเมืองด้วยกันย่อมรู้เท่าทันกัน

ซึ่งหากไม่รีบตั้งจะส่งผลต่อขวัญกำลังใจของข้าราชการประจำ ที่เดาทิศทางไม่ถูกเพราะใน 1 ปีเปลี่ยน รมว.คลังไปแล้วถึง 2 คน

อนุสรณ์ ธรรมใจ
อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง

ความมีเอกภาพและเสถียรภาพมีความสำคัญต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาของประเทศ ฉะนั้น คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาลต้องทำให้เกิดความมีเอกภาพและเสถียรภาพขึ้น ซึ่งต้องยึดหลักการบริหารงานที่มุ่งประโยชน์สาธารณะ ยึดความถูกต้องและมีธรรมาภิบาล การตัดสินใจแบบมีส่วนร่วม และยึดหลักประชาธิปไตยในการดำเนินนโยบาย ให้เกียรติมืออาชีพ ต้องสร้างบรรยากาศของการมีเป้าหมายร่วมกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัย และสนับสนุนซึ่งกันและกัน

หากรัฐบาลไม่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ให้เป็นแบบอย่างได้ เราจะฝ่าวิกฤตไม่ได้ เพราะรัฐบาลจะมีความยากลำบากในการแสวงความร่วมมือจากประชาชน และฝ่ายค้าน หรือภาคส่วนต่างๆ ได้

การสร้างความร่วมมือในการฝ่าวิกฤตได้ ทุกคนต้องมีศรัทธาในผู้นำ ต้องเชื่อถือรัฐบาล รัฐบาลต้องกลับไปประเมินตัวเองว่ามีสิ่งนี้หรือไม่อย่างไร

ถ้าไม่มีก็ต้องเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น หากทำไม่ได้ รัฐบาลก็ต้องพิจารณาตัวเองเช่นเดียวกับคุณปรีดี ดาวฉาย (โดยท่านอ้างว่าท่านป่วย) เพื่อเปิดโอกาสให้คนที่ดีที่สุด เก่งที่สุด ซื่อสัตย์ที่สุด มีความเชื่อถือศรัทธามากที่สุด มาบริหารประเทศเพื่อครั้งนี้เราเผชิญกับมหาวิกฤต

เราต้องการรัฐบาลและผู้นำแบบนั้น จึงฝ่าวิกฤตในช่วงสำคัญนี้ได้ และที่สำคัญต้องทำงานเป็นทีม คิดถึง Grand Strategy ของชาติ ไม่วันแมนโชว์ ไม่เชื่อว่าตัวเองเก่งและรู้ทุกเรื่อง เพราะนั่นแสดงถึงวิธีคิดแบบอำนาจนิยม วิธีคิดและวิธีทำงานแบบอำนาจนิยมอาจนำพาประเทศไปผิดทิศผิดทางได้ เป็นความเสี่ยงสำคัญที่สุดของประเทศในสถานการณ์แบบนี้

คุณปรีดี ดาวฉาย ลาออกกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนพอสมควร แต่ท่านโชคดีที่ควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ได้ การลาออกของ รมว.คลังต้องอยู่กับความจริงว่าลาออกเพราะสาเหตุใดแน่ เพราะเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึง 1 เดือน เชื่อว่านายกฯต้องทำ exit interview จะได้รู้ปัญหาที่แท้จริง จะได้แก้ปัญหาได้ตรงจุด เพราะตอนนี้มีข้อมูลหลายชุดมาก

อย่างไรก็ตาม ประเทศต้องเดินหน้าแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ และความเดือดร้อนของประชาชนตอนนี้ ปัญหาหนี้เสียในระบบธนาคารก็จะพุ่งขึ้น คนยังว่างงานเพิ่มขึ้น ธุรกิจยังทยอยปิดกิจการอยู่ แม้กิจการทางเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นบ้างแล้วหลังคลายล็อก แต่อาจเป็นผลจาก Pending demand ต้องปรับทีมเศรษฐกิจให้เป็นทีมเดียวกัน การเลือก รมว.คลังคนใหม่ต้องเอาผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ และมีความรู้ความเข้าใจเศรษฐกิจมหภาคเป็นอย่างดี การแก้ปัญหาแบบเฉพาะจุด แบบจุลภาค หรือแก้ปัญหาแบบนักการตลาดจะไม่ได้ผล และอาจทำให้ปัญหาระยะปานกลาง ระยะยาวทรุดหนัก ต้องบริหารเศรษฐกิจแบบนักเศรษฐศาสตร์มหภาค มีความซื่อตรง ยึดถือความโปร่งใสและธรรมาภิบาล เพราะต้องใช้เงินงบประมาณทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และต้องคิดในเชิงยุทธศาสตร์ มี Grand Strategy

ตำแหน่ง รมว.คลัง ต้องเป็นที่ยอมรับต่อนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นพื้นฐานเบื้องต้นในการสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและนโยบายของไทย ต้องไม่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าระยะสั้น แล้วผลักปัญหาไปข้างหน้า คนที่มีคุณสมบัติแบบนี้จะมาร่วมงานได้ นายกรัฐมนตรีต้องสนับสนุนอย่างเต็มที่

และไม่ให้มีการแทรกแซงจากอำนาจการเมือง บางคนอาจยินดีทำให้ประเทศชาติ หากบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยมากกว่านี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image