ไม่ว่าท่าทีของรัฐบาล ไม่ว่าท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าท่าทีของ ส.ว.ต่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 จำเป็นต้องทำความเข้าใจต่อรากฐานที่มาให้ถูกต้อง
ถามว่าเป็นเพราะความสำนึกตระหนักในจุดอ่อนและความบกพร่องของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 กระนั้นหรือ
เด่นชัดว่ามิได้เป็นอย่างนั้น
อย่าลืมท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่าลืมท่าทีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่าลืมท่าทีของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ก่อนหน้านี้
ไม่เคยมีในทางความคิด เหตุผลที่รองรับก็คือ การผ่านประชามติด้วยจำนวน 16 กว่าล้านเสียง
อย่าลืมท่าทีของหลายคนในพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะบทสรุปอันรวบรัดที่ยืนยันว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา
แล้วเหตุปัจจัยอันใดทำให้รัฐบาล ทำให้พรรคร่วมรัฐบาล ทำให้บรรดา ส.ว.เกิดการแปรเปลี่ยนในทางความคิด
หากไม่เข้าใจในเหตุปัจจัยนี้ก็จะทำให้เกิดการวางยุทธวิธีที่ผิดพลาดเช่นเดียวกับพรรคการเมืองบางพรรค
แท้จริงแล้ว กรณีรัฐธรรมนูญมิได้มาจากการกดดันใน “รัฐสภา”
ตรงกันข้าม มีความแจ่มชัดตั้งแต่การชุมนุมของ “เยาวชนปลดแอก” เมื่อวันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม มาแล้ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพร่ระบาดราวกับไฟลามทุ่งในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา
ยิ่งเมื่อผ่านการชุมนุม “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” เมื่อวันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม และการชุมนุมของ “เยาวชน/ประชาชนปลดแอก” เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม ยิ่งมีความแจ่มชัด
นั่นต่างหากคือปัจจัยกดดันให้เกิดการเคลื่อนไหว แปรเปลี่ยนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะคำขาดที่ว่า อำนาจของส.ว.จะต้องหมดสิ้นไปภายในเดือนกันยายนนี้
รูปธรรมอันเป็น “คำตอบ” จะสัมผัสได้ในการชุมนุมวันเสาร์ที่ 19 กันยายน ณ ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
หากไม่เข้าใจถึงพลังกดดันอย่างเป็นจริง หากอ่านยุทธวิธีของกลไกอำนาจรัฐที่ ทาง 1 ปราบปราม ขณะเดียวกัน ทาง 1 หลอกลวง ก็จะไม่เข้าใจจังหวะก้าวของรัฐบาล
และก็จะกำหนด “ยุทธวิธี” การเคลื่อนไหว “ผิดพลาด” ทำให้บทบาทในการเข้าร่วมสูญเสียไป
เหมือนกับพรรคการเมืองบางพรรค นักการเมืองบางคน