‘จตุพร’ เตือนชุมนุม 19 ก.ย. อย่าทะลุเพดาน หวั่นถูกฉวยเป็นเหตุรัฐประหาร

‘จตุพร’ เชื่อชุมนุม 19 ก.ย. คือจุดเปลี่ยน เตือนอย่าทะลุเพดาน หวั่นถูกฉวยเป็นเหตุรัฐประหาร

เมื่อวันที่ 9 กันยายน เวลาประมาณ 08.00 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ญาติวีรชนพฤษภา 35 นัดหมายรวมตัวกันเพื่อเตรียมเคลื่อนย้ายอัฐิจากอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ไปบรรจุยังอนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม สวนสันติพร หัวมุมถนนราชดำเนิน ข้าง ที่ทำการชั่วคราว สน.ชนะสงคราม

เวลา 08.20 น. ญาติวีรชนเคลื่อนย้ายอัฐิที่บรรจุในกล่องพลาสติก รอรถแท็กซี่เพื่อนำอัฐิไปยังอนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม โดยใช้แท็กซี่ 2 คัน

เวลา 08.35 น. ญาติวีรชนนั่งแท็กซี่ถึงสวนสันติพร นำอัฐิออกจากกล่องพลาสติกทจัดเรียงเพื่อรอทำพิธีสงฆ์ต่อไป

ต่อมา เวลา 09.09 น. รศ. ดร. โคทม อารียา ประธานมูลนิธิพฤษภาประชาธรรม กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่จิตวิญญาณของผู้เสียสละชีวิตเพื่อร่วมสร้างประชาธิปไตยจะได้มีที่อยู่ โดยอัญเชิญอัฐิเข้าสู่อนุสรณ์สถานอย่างถาวร มีการจารึกชื่อวีรชนไว้ที่ฐานอนุสรณ์สถานซึ่งออกแบบโดยอาจารย์สมโภชน์ อุปอินทร์

Advertisement

“วันนี้ที่พวกเรามารำลึก 28 ปี ของเหตุการณ์พฤษภา 2535 น่าจะเป็นบทเรียนว่าการเดินทางสู่ประชาธิปไตยอาจมีอุปสรรคประการใดก็ตาม แต่พวกเราก็มุ่งมั่นเดินต่อ เพราะนี่คือจุดหมายของคนไทยเกือบทุกคนที่ต้องการสร้างประชาธิปไตยที่อธิปไตยเป็นของประชาชน ขอรำลึกถึงดวงวิญญาณวีรชนและผู้สูญหายทั้งที่ทราบและไม่ทราบชื่อ

จากนั้น เวลา 09.12 น. ผู้ร่วมงานลุกขึ้นยืนสงบนิ่ง เพื่อรำลึกถึงวีรชน

จากนั้น เริ่มพิธีสงฆ์ โดยมีผอ.เขตพระนคร ประเป็นธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พระสงฆ์บริกรรมคาถา

Advertisement

09.50 น.ญาติวีรชน นำอัฐิบรรจุยังอนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในการบรรจุ

ในตอนหนึ่ง นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช. กล่าวว่า อัฐินี้ มีความหมาย 2 นัยยะ นี่คือวีรชนที่ได้รับการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และอีกครึ่งหนึ่ง คือ กว่า 40 คน ไม่มีแม้อัฐิ แต่ไม่ว่าจะอยู่แห่งใด ในดิน ในน้ำ ขอให้มาอยู่ที่นี่ คนไทยไม่มีวันลืม

นายจตุพรกล่าวว่า 28 ปีที่แล้วมีปัญหาอย่างไร วันนี้ก็มีปัญหาอย่างนั้น เหตุการณ์พฤษภา 35 เกิดจากประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย หรืออาจกล่าวได้ว่า 88 ปีที่ผ่านมา ประเทศไม่ได้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงแม้แต่วันเดียว การต่อสู้ของวีรชน มีคุณูปการ อย่างไรก็ตาม วันนี้ประเทศไทยกลับมาอยู่จุดเดิม คือ ไม่เป็นประชาธิปไตย สิ่งที่ต้องคิดคือการต่อสู้หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร

สำหรับกระแสข่าวลือเรื่องรัฐประหาร นายจตุพรกล่าวว่า การรัฐประหารอยู่คู่ประเทศไทย ไม่เคยมีครั้งสุดท้าย ไม่เคยสนใจบรรยากาศ สภาพการเมือง เศรษฐกิจ สังคม คนแต่ละยุคมักคิดว่า ไม่มีใครกล้ารัฐประหาร แต่ตนไม่เคยเชื่อว่าจะไม่มี การออกแบบรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นไปเพื่อส่งไม้ต่อให้คณะรัฐประหารชุดใหม่ มีการเขียน มาตรา 256 ให้แก้ไขได้ยากที่สุดตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญมา

“ผมเชื่อว่ารัฐประหารไม่หมดประเทศ แต่เกิดได้ตลอด ทำง่ายมากในไทย แต่ยุคนี้มีโซเชียล คณะรัฐประหารต้องคิดว่ามันจะไม่ง่ายเหมือนเดิม ทุกคนมีทีวีเป็นของตัวเอง แม้ยึดได้ แต่อยู่ไม่ได้ รักษาอำนาจไม่ได้ สำหรับการแก้ไขมาตรา 272 เชื่อว่าจะเจอปาฏิหาริย์ พรรคเพื่อไทยต้องเตรียมการให้พร้อม เสือสำนึกบาปในวุฒิสภาต้องไปรวมเสียงให้ได้ 84 เสียง” นายจตุพรกล่าว

นายจตุพรกล่าวว่า ตนเชื่อว่าจุดเปลี่ยนจะอยู่ที่การชุมนุม 19 กันยายน ความรับผิดชอบทั้งหมดอยู่ที่รัฐบาลซึ่งต้องรักษาความปลอดภัย ต้องอำนวยความสะดวก ห้องน้ำ รถพยาบาล การตรวจตราต้องพร้อม หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน รัฐบาลต้องรับผิดชอบ รัฐบาลต้องรักษาชาติให้รอด ไม่ใช่รักษาตัวเองให้รอด ส่วนผู้ชุมนุมก็ต้องระวัง ส่วนตัวสนับสนุนข้อเรียกร้องของนักศึกษา เชื่อว่าคนเข้าร่วมล้นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แน่นอน อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์แรงเหวี่ยงหลังจากนั้นไม่รู้ว่าจะมีมือที่ 3 หรือไม่

“ผู้ชุมนุมต้องลดเหตุที่จะถูกหยิบเหตุฉวยมาใช้ ถ้าทะลุเพดาน จะถูกหยิบมาใช้ในการรัฐประหาร
ผมพยายามเตือนจนถูกรำคาญ แต่ที่ผ่านมาขนาดบันได 3 ขั้นยังถูกยิงร่วงเป็น 100 นับประสาอะไรกับทะลุเพดาน

หากมีรัฐประหาร น่าจะเป็นรัฐประหารที่ถูกค้านมากที่สุดตั้งแต่เคยมีประเทศไทยมา ผมไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร ขอยืนยันหน้าอนุสรณ์พฤษภาประชาธรรมว่า หากมี ผมจะนำการต่อสู้เอง” นายจตุพรกล่าว และว่า สำหรับการชุมนุม 19 กันยายนนี้ หากตนไปปรากฏตัว การรับมือจากภาครัฐจะกลายเป็นอีกระดับหนึ่งหนึ่ง ซึ่งไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image