แท้จริงแล้ว คำประกาศจาก”แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม”ที่จะฝืนคำสั่งของมหาวิทยาลัย ด้วยการยืนยันจะเข้าไปยึดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มาเพื่อใช้เป็นที่ชุมนุม
มิได้เป็นเรื่อง “ใหม่” มิได้เป็นเรื่องซึ่งไม่เคย”ปรากฏ”มาก่อนใน ประวัติศาสตร์ของ”ธรรมศาสตร์”
เรื่องนี้ต้องเริ่มจากสถานการณ์เดือนตุลาคม 2516
ความเรียกร้องต้องการที่จะจัดการชุมนุมของนักศึกษาในเบื้องต้นใช้ว่าจะดำเนินไปด้วยความราบรื่น เนื่องจากอยู่ในระหว่างการสอบและมหาวิทยาลัยต้องการให้การสอบดำเนินต่อไป
แต่นักศึกษากลุ่มหนึ่งซึ่งเรียกตนเองว่าเป็น”กลุ่มอิสระ”ไม่ยินยอมตามคำสั่งของทางมหาวิทยาลัย พวกเขาไม่เพียงแต่บุกเข้าปิดห้องเรียนมิให้การสอบดำเนินต่อไปได้เท่านั้น
หากแต่บางคนถึงกับชัก”ธงดำ”ขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณแห่งการประท้วงต่อทางมหาวิทยาลัยอีกด้วย
นั่นแหละการชุมนุม ณ ลานโพธิ์ ธรรมศาสตร์ จึงได้บังเกิด
หากใครข้องใจในบทบาทอันมาจาก รุ้ง ปภัสรา หากใครข้องใจบทบาทอันมาจาก พริษฐ์ เพนกวิน ก็ขอให้ไปสอบถามสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2516
ไม่ว่าจะเป็น พีรพล ตริยะเกษม นายกอมธ. ไม่ว่าจะเป็น สังศิษฐ์ แซ่โล้ว หรือแม้กระทั่ง แก้วสรร อติโพธิ์
ก็จะได้รับคำตอบในฐานะที่เป็นฐานข้อมูล”ปฐมภูมิ”
ว่าจุดเริ่มต้นของการชุมนุม ณ บริเวณลานโพธิ์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ในสถานการณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2516 ก่อนที่จะส่งไม้ให้กับศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย(ศนท.)เป็นอย่างไร
ไม่ว่าการเคลื่อนไหวต่อสู้เมื่อเดือนตุลาคม 2516 ไม่ว่าการเคลื่อนไหวต่อสู้ในเดือนกันยายน 2563 จึงมีทั้งด้านที่เห็นด้วยและด้านที่ต่อต้านขัดขวางปรากฏขึ้นเสมอ
ขึ้นอยู่กับ”มวลชน”ที่เข้าร่วมจะเดินไปบนเส้นทางสายใด
ยิ่งเป็นการเคลื่อนไหวอันมีจุดเริ่มจาก”เยาวชนปลดแอก”ต่อมา ยัง”แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม”ยิ่งมีความเข้มข้น
การเคลื่อนไหว”19 กันยา ทวงอำนาจ คืนราษฎร”ณ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จึงทรงความหมายเป็นอย่างสูง ไม่ว่าจะมองจากด้านของเยาวชน หรือด้านของประชาชน
ปมเงื่อนมิได้อยู่ที่ว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ชอบธรรมหรือไม่
หากแต่อยู่ที่”มวลชน”จะเข้าร่วมอย่างไรและอบอุ่นมากกว่า