บทนำ : อย่าล้มเวที
เมื่อกลุ่มนักเรียนนิสิตนักศึกษาเคลื่อนไหว ยื่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ หยุดคุกคามคนเห็นต่าง แก้ไขรัฐธรรมนูญ และยุบสภา ท่าทีของรัฐบาลที่ออกมาคือการยอมรับฟัง นอกจากนี้ยังมีท่าทีของสมาชิกรัฐสภาที่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีความเคลื่อนไหวทั้งจากฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และแม้กระทั่งสมาชิกวุฒิสภาที่ยอมรับว่าสมควรที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ไม่ขัดข้อง
การดำเนินการของรัฐบาลที่มีทีท่ารับฟังนั้น ทำให้อุณหภูมิทางการเมืองบรรเทาลง การเปิดเวทีรับฟังนักเรียน การยอมให้นักเรียนนิสิตนักศึกษาตั้งเวทีปราศรัยบอกความต้องการของพวกเขา รวมไปถึงการฟังกระแสสังคม และพยายามปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ทุกอย่างสามารถทำให้สถานการณ์ที่ควรจะร้อนระอุ กลับบรรเทาความร้อนแรงลงไปได้
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กลับปรากฏความเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง ทั้งท่าทีของสมาชิกวุฒิสภาที่พร้อมจะล้มญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงท่าทีของผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ปิดพื้นที่การตั้งเวทีปราศรัยในวันที่ 19 กันยายน ทำให้อุณหภูมิทางการเมืองเริ่มร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง กระทั่งมีผู้เสนอให้ผ่อนคลายความตึงเครียดด้วย
การเรียกร้องให้หาวิธีที่สามารถทำให้นักเรียนนิสิตนักศึกษาสามารถเปิดเวทีแสดงความคิดเห็นได้อีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ให้วิป 3 ฝ่ายหาช่องทางที่ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อเกิดเป็นรูปธรรมขึ้น
น่าเป็นที่ห่วงใยหากสถานการณ์การเรียกร้องของนักเรียนนิสิตนักศึกษาจะพัฒนากลายเป็นความขัดแย้งอีกครั้งหนึ่งของประเทศไทย ทั้งๆ ที่ประเทศไทยเพิ่งมีประสบการณ์ร่วมกันถึงผล
กระทบจากความขัดแย้งดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบทางการเมือง เศรษฐกิจ รวมถึงสังคม และในห้วงเวลาที่ผ่านมา ในจังหวะที่ประเทศไทยเกิดความขัดแย้ง ประเทศไทยก็ได้สรุปวิธีการลดความขัดแย้งที่จะปะทุจนเป็นเหตุร้ายในประเทศ มีข้อเสนอจากคณะกรรมการหลายชุด แม้แต่คณะกรรมาธิการของสภา ก็มีการศึกษาและมีข้อเสนอ
ข้อเสนอที่ผ่านการศึกษามาแล้วเหล่านี้คือหนทางที่จะสกัดกั้นมิให้ความรุนแรงที่เคยเกิดขึ้น หวนกลับคืนมาอีก ดังนั้น แทนที่ฝ่ายรัฐบาลปิดประตู หรือล้มเวทีปราศรัย น่าจะช่วยกันแสวงหาวิธีการที่ทำให้ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายนักเรียนนิสิตนักศึกษา มีทางลงจากความขัดแย้งไปด้วยกัน