อจ.ชี้ปรับครม.สูตรวนพปชร. เหมือนรถเก่าซ่อมหลายรอบ

อจ.ชี้ปรับครม.สูตรวนพปชร. เหมือนรถเก่าซ่อมหลายรอบ

หมายเหตุความเห็นจากนักวิชาการ กรณีเกิดกระแสผลักดันให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี ภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หลังจากนายปรีดี ดาวฉาย ลาออกจาก รมว.คลัง โดยให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและ รมว.พลังงาน มาเป็น รมว.คลัง ให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม มาเป็น รมว.พลังงาน และให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง มาเป็น รมว.อุตสาหกรรม

อรุณี กาสยานนท์
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์

Advertisement

ไม่ได้มองว่า การคัดสรรตัวบุคคล เพื่อปรับ ครม.จะเพิ่มเสถียรภาพให้รัฐบาล หลังจากมีความเคลื่อนไหวนอกสภามากขึ้น และขยายวงกว้าง ประกอบกับหลายเรื่องของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ยังไม่พบว่าช่วยให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น การจ่ายเบี้ยยังชีพคนชราและคนพิการ ปกติการประสานงานการจัดทำงบประมาณของรัฐถูกประมาณการรายจ่ายไว้แล้วในปีงบประมาณ 2563 ดังนั้นต้องมีฐานตัวเลขของกลุ่มเป้าหมาย และมีการประมาณการรายจ่ายของจำนวนเพิ่มขึ้นในปีถัดไป ปัญหาจ่ายล่าช้า จึงไม่ควรเกิดขึ้น

หากมีการปรับ ครม.ใหม่ จะหาบุคคลเหมาะสมหรือไม่ จะไม่มีผล เนื่องจากเส้นของกราฟในเชิงเศรษฐกิจดิ่งลง ประเมินว่าจะต่ำสุดในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ส่วนตัวจึงไม่เชื่อว่าการสรรหาบุคคลที่มีความสามารถเข้าไปทำหน้าที่ น่าจะไม่มีผลงานในระยะสั้น เนื่องจากยังมีปัญหาจากปัจจัยภายนอกทั้งการค้าการลงทุน และการท่องเที่ยว รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ในระดับโลกที่ต้องเฝ้าระวัง จึงเชื่อว่าการปรับ ครม.ยังไม่ได้สร้างความหวังเท่าที่ควร

สิ่งที่เป็นความหวัง จะมาจากท่าทีของรัฐบาลยอมเปิดใจด้วยการปิดสวิตช์ ส.ว.แล้วยุบสภาจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เหมือนการคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจ ส่วนตัวเห็นว่าการปรับ ครม.ใหม่เป็นเรื่องน่าสิ้นหวังไปแล้ว จะปรับอีกกี่ครั้งก็คงไม่ดีขึ้น เหมือนมีรถเก่าซ่อมหลายรอบ จึงขอโอกาสไปดาวน์รถคันใหม่จะดีกว่า

ขณะเดียวกัน การปรับ ครม.จะมีปัญหาจากโควต้ารัฐมนตรี เพราะผลประโยชน์ทางการเมืองจะเป็นสิ่งสูงสุดที่พรรคการเมืองมุ่งหวัง ถ้ามองความจำเป็นของนักการเมืองต้องลงสมัครรับเลือกตั้ง และต้องการมีตำแหน่งในการบริหารประเทศ ท่าทีของนายสันติ พร้อมพัฒน์ จึงไม่ใช่สิ่งผิดปกติ และเป็นสิ่งสมควรจะได้รับในมุมของพรรคการเมือง แต่ถ้ามองว่าจะมีความรู้ความสามารถเพียงพอหรือไม่ จะต้องแยกแยะ หากดูบริบทในการแต่งตั้งรัฐมนตรีในสังคมไทยเท่าที่ผ่านมา ทั้งการมาจากการเลือกตั้งหรือการทำรัฐประหาร จะเห็นว่าโอกาสในการแต่งตั้งคนนอกที่มีความรู้ความสามารถ จะน้อยกว่าอำนาจในการต่อรองทางการเมืองเสมอ

แต่เนื่องจาก คสช.มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมาตลอดเกือบ 6 ปี กระทั่งมีการเลือกตั้งแล้วมีพรรคการเมืองเสียงข้างมาก ดังนั้นปัจจัยในการค้ำยัน จึงทำให้นายกรัฐมนตรีมีโอกาสเลือกคนนอกไปทำหน้าที่ แต่วันนี้คนนอกก็ไม่ได้ตอบโจทย์ว่าจะทำให้รัฐบาลมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจ แต่พรรคพลังประชารัฐพยายามจะผลักดันในโควต้าพรรค จึงคิดว่าหากมีการปรับอีกครั้ง พรรคคงออกตัวเต็มที่

เชื่อว่าคนนอกในช่วงเส้นกราฟดิ่งลงมาก ผู้มีความรู้ความสามารถจะเข้ามาพลิกฟื้น จะต้องใช้คนดี แข็งแกร่งกว่าทีมอเวนเจอร์ และมุมมองส่วนตัวคนนอกจะกระโดดเข้ามาทำงาน ถ้ามีโอกาสเลี่ยงได้ก็จะต้องตอบปฏิเสธ เพราะประสบการณ์จากการลาออกของนายปรีดี ดาวฉาย เห็นแล้วว่า ถ้าปัจจัยการเมือง หรือพรรคการเมืองในพรรคพลังประชารัฐไม่ให้การส่งเสริม จะทำให้การทำงานเป็นเพียงอุดมคติ ไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ดังนั้นรัฐมนตรีใหม่ จึงน่ามาจากฝ่ายการเมืองมากกว่าคนนอก

สำหรับนายกรัฐมนตรีสถาปนาตนเอง เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ไม่เชื่อว่าจะไม่มีการลดบทบาท เนื่องจากก่อนนายปรีดา ดาวฉาย จะลาออก ปัญหาในการเคลียร์กับพรรคการเมืองในระบบโควต้าต้องไม่เกิดขึ้น แสดงว่าอำนาจในทีมเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีสามารถสรรหาตัวบุคคลได้ แต่ไม่มีอำนาจในการควบคุมเกมทั้งหมด และเชื่อว่านายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจแท้จริง จากผลของการต่อรองผลประโยชน์ในเชิงของเกมการเมือง

เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่รอดปลอดภัยถึงสิ้นปีนี้ แต่เมื่อพ้นไตรมาสที่ 4 หากเส้นกราฟยังดิ่งลง หรือไม่มีสัญญาณจะกระเตื้องจากพลังบวก จะทำให้คนชั้นกลางมองบริบทการเมืองในเชิงประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาล แต่คนในชนบทจะมองปัญหาปากท้องเป็นหลัก มีกินมีใช้ หากวันนี้รัฐบาลยังอัดฉีดเงินลงไปในระบบแล้วทำให้คิดว่าพอประทังชีวิตอยู่ได้ สถานการณ์ในช่วงสิ้นปียังไม่สุกงอมจะทำให้รัฐบาลมีปัญหา แต่ถ้าเงินอัดฉีดหมดก่อนสิ้นปีปัญหาจะเกิดขึ้นทันที

น่าสนใจว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจอย่างไร ก็ควรตอบโจทย์ว่า อะไรเป็นแหล่งรายได้ ขณะที่เคยนำเสนอการจัดเก็บภาษีแพลตฟอร์มในการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ในต่างประเทศ ที่ผ่านมามีการศึกษาแนวทาง แต่ยังไม่มีการออกกฎหมายรองรับ ขณะที่ต่างประเทศมีการจัดเก็บภาษีจากสินค้าและบริการออนไลน์ที่มีการซื้อขาย และล่าสุดยังไม่เห็นบทบาทของกระทรวงที่เกี่ยวข้องในการส่งออก เพื่อเปิดตลาดการค้าใหม่ๆ ของสินค้าเกษตร หรือสินค้าอุตสาหกรรมในต่างประเทศ

ดังนั้นถ้ารัฐบาลจะอยู่รอด ต้องทำให้เห็นว่ามีความสามารถในการจัดหารายได้ หรือประมาณการตัวเลขให้เห็นว่าจะจัดเก็บรายได้จากภาษีประเภทใดได้บ้าง แต่ไม่ใช่ภาษีมูลค่าเพิ่ม เพราะเป็นการผลักภาระให้ประชาชนทุกระดับ

ผศ.เชิงชาญ จงสมชัย
คณบดีวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

คนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีคนใหม่ ต้องได้รับการยอมรับจากประชาชน หากเข้ามาแล้วก็ต้องเอาความต้องการของประชาชน แก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นหลัก และจะต้องมองในเรื่องการเคลื่อนไหวทางการเมือง ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลต้องตอบสนองตรงนี้ด้วย เพื่อไม่ให้นำไปสู่ความรุนแรง หรือความขัดแย้ง เพราะฉะนั้นเรื่องของเศรษฐกิจปากท้องสำคัญ เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่ประชาชนทั่วไปได้รับความเดือดร้อน และจะลามไปถึงการเรียกร้องจนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล คนที่เอามาต้องมีแผนระยะสั้นช่วยพยุง หรือทำให้การแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ผลออกมาเป็นรูปธรรมมากที่สุดในระยะสั้น เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน

ผศ.ดร.จุมพล ชื่นจิตต์ศิริ
รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

เกิดกระแสวิพากษ์ว่า รัฐบาลกำลังถังแตกหรือไม่นั้น จริงๆ อาจจะเป็นเพียงประเด็นหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมา เพื่อหวังผลในทางการเมือง เพราะในขณะนี้ยังไม่มีใครรู้จริง ในเรื่องของเงินคงคลัง เรื่องข้อกฎหมายในเชิงเศรษฐศาสตร์ การที่รัฐบาลได้เลื่อนการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยผู้พิการ จะมีเหตุผลอย่างไร สาเหตุมาจากอะไร เป็นเรื่องที่รัฐควรจะออกมาชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ เพื่อบรรเทาปัญหา เพราะคนกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มเปราะบาง เชื่อว่าถ้ารัฐบาลชี้แจงประชาชนก็คงจะเข้าใจ

อย่างไรก็ตาม กรณีการที่ยังไม่มีตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ เข้ามาปฏิบัติหน้าที่นั้น ไม่น่าจะเป็นปัญหาในระยะสั้นๆ เพราะแม้จะไม่มีรัฐมนตรีว่าการ แต่ข้าราชการในกระทรวงการคลังก็ยังมี ทั้งหมดต่างทำหน้าที่ของตนเอง เชื่อว่าไม่มีปัญหา ตัวรัฐมนตรีว่าการเป็นเพียงการให้นโยบายในการทำงานเท่านั้น แต่ในระยะยาวก็ต้องมีผู้มาดำรงตำแหน่งนี้

ปัญหาการชุมนุมทางการเมืองวันที่ 19 กันยายนนี้ จะมีผู้คนหลากหลายกลุ่ม มาร่วมกันอยู่แล้ว ทั้งนักเรียน นักศึกษาตัวจริง หรือผู้นำเครื่องแบบนักศึกษามาสวมใส่ ประชาชนที่เดือดร้อนจากปัญหาต่างๆ มาร่วมตามกระแส เป็นต้น รัฐบาลควรจะใช้วิธีการชี้แจง ทำความเข้าใจในปัญหา ประเด็นต่างๆ ให้รอบด้าน อาจมีการตั้งวอร์รูม แล้วให้ผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญมาแก้ปัญหาในแต่ละด้าน ชี้แจงประชาชนด้วยบุคคลที่เป็นที่เชื่อถือได้

ขณะนี้รัฐบาลกำลังประสบปัญหาหลายๆ ด้าน หลายๆ เรื่องรุมเร้า เพราะฉะนั้น วิธีแก้คือการแก้ทีละเรื่อง ใช้สหศาสตร์ ในการแก้ไขปัญหา ต้องเข้าใจว่า คำตอบที่เคยถูกต้องในอดีต อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องในปัจุบัน ปัญหาขณะนี้มีหลายๆ บริบทเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์และบริบทต่างๆ จะใช้คำตอบเดิมๆ มาแก้ปัญหาก็อาจจะไม่ตรงๆ จุด

ดังนั้นรัฐบาลควรจะหาคนเก่งๆ มาร่วมงาน มาร่วมแก้ไขปัญหา ปรับเปลี่ยนแนวทางแก้ปัญหาในรูปแบบที่เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน

สุขุม นวลสกุล
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์

การปรับ ครม.ทุกครั้งทุกฝ่ายต้องการเห็นบุคคลเหมาะสมกับภารกิจงาน ตามหลักการควรมาจากประวัติการทำงานที่ผ่านมา ชื่อเสียงและพฤติกรรมของบุคคลนั้น ถึงแม้ว่าบางครั้งอาจจะเลือกจากโควต้าพรรคการเมือง แต่ควรเลือกบุคคลที่มีพื้นฐานที่ดี และในเศรษฐกิจเช่นนี้ ผู้ถูกทาบทาม หรือมีชื่อออกมาโยนหินถามทาง ประชาชนเห็นรายชื่อแล้วต้องมีความเชื่อมั่น อย่างน้อยที่สุดต้องไม่มีข้อสงสัยว่าจะเข้ามาหาประโยชน์
อื่นใด

หากมองตำแหน่งรัฐมนตรีคลังในโควต้าพรรคการเมือง จำเป็นจะต้องไปหาตัวบุคคลเหมาะสม หากเป็นนักการเมืองเก่า แต่มีชื่อเสียงดีก็ไม่มีปัญหาพอมีความหวังยอมรับได้ และหากรัฐบาลยังยื้อในการปรับ ครม.ต่อไปอีก หรือแต่งตั้งช้าโดยไม่มีเหตุผล คะแนนนิยมก็จะลดลง ยกเว้นบางสำนักโพลสำรวจความเห็นประชาชนแล้ว พบว่ามีความนิยม และความเชื่อถือเพิ่มขึ้น

สำหรับการปรับ ครม.มองดูเหมือนล่าช้า อาจจะมาจากการต่อรองทางการเมือง เป็นเรื่องปกติที่ประชาชนมองว่าอาจจะมีผลประโยชน์ของนักการเมืองมากกว่าผลประโยชน์ของชาติ หรืออาจจะสรรหาบุคคลเป็นคนนอกที่เหมาะสมยังไม่เจอ ส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของรัฐบาล

แต่โอกาสจะได้เห็นบรรดาเทคโนแครตไปทำหน้าที่รัฐมนตรีคลังก็ยังมี แต่ถือว่าช้ามาก และรัฐบาลก็ไม่ได้ชี้แจงให้ชัดเจนว่าตัวบุคคลไม่ได้ หรือ ทาบทามไว้แล้วนักการเมืองในพรรคพลังประชารัฐจะพอใจหรือไม่ แต่บุคคลจะเข้ามาใหม่ คงมองปัญหาจากการลาออกของรัฐมนตรีคลังคนล่าสุด น่าจะเป็นอุปสรรคพอสมควร หรือกลัวว่าเมื่อโดนบีบจากฝ่ายการเมืองแล้ว นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจไม่สามารถให้ความคุ้มครองได้ สิ่งเหล่านี้ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อถือจากการทำงานของทีมเศรษฐกิจที่ผ่านมา

เพราะฉะนั้นรัฐบาลควรรีบนำคนนอก หรือคนกลางที่มีความรู้ ความสามารถเข้าทำงาน เพื่อแสดงให้เห็นว่าการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ควรอยู่เหนืออำนาจการต่อรองของฝ่ายการเมือง และพรรคร่วมรัฐบาลก็ควรออกมาช่วยแก้ปัญหานี้ เชื่อว่าขณะนี้ยังมีตัวบุคคลที่ต้องการเป็นรัฐมนตรีคลังอีกมาก แต่การทำงานต้องยอมรับว่า ต้องมีการประสานงานกับกระทรวงอื่น และต้องใช้นโยบายอย่างเต็มที่

รวมทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงต้องลงตัวอย่าให้มีแรงกระเพื่อม คิดง่ายๆ วันนี้คนจะไปกดเงินผู้สูงอายุยังไม่ได้เงินตามกำหนด แค่นี้ก็มีข่าวลือไปหลายเรื่อง และอย่าพยายามทำให้ประชาชนคิดในวังวนเดิมว่ารัฐบาลนี้มุ่งหวังเพียงแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า มากกว่าความมุ่งมั่นเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะยาว ส่วนตัวยอมรับว่าไม่มีความมั่นใจว่าปีหน้าเศรษฐกิจของประเทศจะพลิกฟื้นขึ้นมาได้หรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image