ปชป.ส่ง ชินวรณ์ ร่วมถก 3 วิป ดันร่างพรรคร่วม-แก้ปัญหาได้
เมื่อวันที่ 14 กันยายน กรณีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เรียกร้องให้วิปรัฐบาล ฝ่ายค้าน และวุฒิสภา ร่วมกันหารือเพื่อหาทางออกการแก้รัฐธรรมนูญ นายจุรินทร์ กล่าวปราศัยในระหว่างเป็นประธานพร้อมเปิดการฝึกอบรมแกนนำเครือข่ายประจำเขตเลือกตั้งกับสมาชิกพรรคที่ทำการสาขาพรรคปชป. เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 3 กันยายนว่า หลายฝ่ายมีความเห็นว่ารัฐธรรมนูญควรได้รับการแก้ไขไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น แม้จะมีความเห็นต่างในเรื่องของเนื้อหาและรูปแบบการแก้ไขว่าจะตั้ง ส.ส.ร. หรือแก้รายประเด็นก็ตาม เห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสำเร็จได้ต้องมี 3 เงื่อนไข คือ 1.ต้องใช้เวทีสภาฯแสวงหาความเห็นร่วมกันให้ได้เพราะถ้าขาดเสียงฝ่ายค้าน 20 % หรือขาดเสียงส.ว. 1 ใน 3 การแก้รัฐธรรมนูญ ก็สำเร็จตามมาตรา 256 ไม่ได้
“เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา จึงเสนอว่าให้วิปของพรรคปชป. โดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะประธานวิปพรรค เร่งไปหารือกับวิปรัฐบาล ประสานงานกับวิปฝ่ายค้าน และวิปวุฒิสภา เพื่อหาความสอดคล้องต้องกันว่ามีประเด็นใดที่เห็นตรงกันบ้าง อะไรเห็นต่าง อะไรจะปรับหันหน้าเข้าหากันได้ เพื่อหาทางให้แก้รัฐธรรมนูญเดินหน้าต่อไปได้ และเกิดผลสัมฤทธิ์จริง เพราะความเห็นพ้องในรัฐสภาเป็นเรื่องจำเป็น ไม่เช่นนั้นก็แก้ไม่ได้ 2.การแก้รัฐธรรมนูญจะสำเร็จได้ประชาชนต้องเห็นพ้องด้วย เพราะเขาเป็นเจ้าของประเทศและเมื่อผ่านรัฐสภาแล้วต้องเอาไปทำประชามติถามประชาชน ถ้าประชามติไม่ผ่านก็แก้ไม่ได้ และ 3.ทุกฝ่ายต้องจริงใจ ต้องตั้งเป้าหมายร่วมกันว่าประเด็นการแก้ไขธรรมนูญ ต้องไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง แต่เป็นประเด็นที่ต้องจับมือร่วมใจกัน หวังให้เกิดการแก้ไขได้จริงเท่านั้น ถ้าไม่ครบ 3 เงื่อนไขนี้ก็ยากที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสำเร็จได้ พรรคประชาธิปัตย์ต้องการเห็นการแก้รัฐธรรมนูญบังเกิดผลสำเร็จได้จริง โดยจะใช้กลไกวิปของพรรคและวิปรัฐบาลในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเป็นตัวขับเคลื่อน” นายจุรินทร์ กล่าว
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคปชป. กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ต้องการให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะส.ว. และ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้ร่วมกันสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมของพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้จริง การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ในขั้นแรกจำเป็นที่จะต้องมีการแก้ไขมาตรา 256 ให้ได้ก่อน เพราะเมื่อแก้ไขมาตรา 256 ได้แล้ว สิ่งที่ทุกฝ่ายเรียกร้อง ไม่ว่าจะเป็นมาตรา 272 ในเรื่องของการปิดสวิตช์ ส.ว.ในการเลือกนายกฯ ก็สามารถผลักดันให้มีการแก้ไขใน ส.ส.ร.ได้ ที่มาของ ส.ส.ร.ในร่างของพรรคร่วมรัฐบาล ก็มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเป็นส่วนใหญ่ และยังมีโควตาที่เป็นสัดส่วนของนักศึกษาและนักวิชาการเข้ามาร่วมด้วย และมีนักวิชาการ รวมถึงยังมีตัวแทนของประชาชนที่จากสมาชิกรัฐสภา จึงทำให้ ส.ส.ร.ที่ตั้งขึ้นมีความชอบธรรม ที่สามารถรับข้อเสนอของทุกฝ่ายเพื่อไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ และยังจะทำให้ประเทศชาติเดินหน้าได้
“ตอนนี้พี่น้องประชาชนอยากจะได้ความสงบเพื่อให้รัฐบาลได้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เป็นปัญหาสำคัญ และตอนนี้พี่น้องประชาชนก็รอความช่วยเหลือจากรัฐบาลอยู่ รัฐบาลก็ต้องมีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหา ดังนั้นการตั้งส.ส.ร.ขึ้นมา เพื่อทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ และเดินหน้าไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ตามที่ทุกฝ่ายต้องการ ขณะเดียวกันรัฐบาลจะได้มีเวลาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชน” นายอัครเดช กล่าว
