บทนำ : ห่วงผล‘19 ก.ย.’

นายกรัฐมนตรีออกแถลงการณ์ แสดงความห่วงใยว่าการชุมนุม 19 ก.ย. จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการระบาดของโควิด-19 และการฟื้นเศรษฐกิจล่าช้า โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า รับทราบความคับข้องใจ ความไม่พอใจเกี่ยวกับการเมืองและรัฐธรรมนูญ แต่วันนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดเร่งด่วน ที่ต้องจัดการก่อน คือการบรรเทาความเสียหายทางเศรษฐกิจที่โควิดได้ก่อให้เกิดขึ้นไปทั่วโลก เราไม่ควรทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งไปกว่านี้ การชุมนุมจะทำให้การฟื้นเศรษฐกิจเกิดการล่าช้า จะทำลายความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ สร้างความลังเลใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะมาเมืองไทย เมื่อถึงเวลาที่เราพร้อมจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง การชุมนุมจะสร้างความวุ่นวายในประเทศ และทำลายสมาธิการทำงานของภาครัฐในการจัดการกับโควิด และปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน

นายกรัฐมนตรีย้ำด้วยว่า ขอให้เราเอาชนะโควิดและผ่านวิกฤตโลกครั้งนี้ไปด้วยกันให้ได้ก่อน หลังจากนั้นค่อยกลับมาที่เรื่องการเมือง ปัจจุบัน หลายประเทศใช้ความเด็ดขาดในการยุติการประท้วง โดยนายกฯยกตัวอย่างการจับกุมดำเนินคดีผู้ชุมนุมในเยอรมนี และระบุว่า สิ่งที่ตนเองสั่งการไปคือ ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติกับผู้ชุมนุมด้วยความนิ่มนวล เพราะเชื่อว่าผู้ที่ออกมาประท้วง จะมีความตระหนักรู้ถึงสิ่งที่ควรต้องระมัดระวัง และอยู่ในขอบเขต แต่ขอฝากไปถึงทุกคนที่จะออกมารวมตัวกันว่า ขอให้นึกถึงพี่น้องคนไทยด้วยกันให้มากๆ คนไทยอีกเป็นสิบๆ ล้านคน ที่จะได้รับผลกระทบ

คำเตือนและความห่วงใยของนายกฯ เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องตระหนักและระมัดระวังดูแลตนเองในการชุมนุม 19 ก.ย. ซึ่งผู้นำรัฐบาลยืนยันแล้วว่าจะดูแลการชุมนุมและปฏิบัติอย่างนิ่มนวล อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาทางการเมือง สามารถดำเนินการไปพร้อมๆ กับการแก้วิกฤตเศรษฐกิจได้ และหากจัดการได้อย่างเหมาะสม จะส่งผลดีต่อภาพรวมของประเทศรวมถึงเศรษฐกิจด้วย โดยเฉพาะในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่รัฐสภาจะพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 23-24 ก.ย.นี้ ซึ่งสมาชิกรัฐสภาควรตัดสินใจจากผลประโยชน์ของส่วนรวม มากกว่าประโยชน์ของพรรคพวกหรือหมู่คณะ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image