พ่อเมืองขอนแก่น ยันจับ NDM อีสาน-พลเมืองคนรุ่นใหม่หลัง 7 ส.ค. ‘พรรณวดี’ ประกาศหนุนโหวตโน

วันที่ 3 สิงหาคม  เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายกำธร  ถาวรสถิตย์ ผวจ.ขอนแก่น เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการจัดเวทีเพื่อให้มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่อง “ร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ และประเด็นคำถามเพิ่มเติม” ประจำจังหวัดขอนแก่น ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ประจำจังหวัดขอนแก่น ได้จัดกิจกรรมขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์และกระตุ้นให้คนขอนแก่นและคนไทยทั้งประเทศได้ออกมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติในวันที่ 7 ส.ค.ที่จะถึงนี้ ท่ามกลางความสนใจของคนขอนแก่นที่มาร่วมรับฟังกว่า 500 คน โดยในการจัดเวทีดังกล่าว กกต.ขอนแก่น เชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมแสดงความคิดเห็น ประกอบด้วยฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย นำโดย รศ.พรรณวดี ตันติศิรินทร์ อดีตแกนนำ นปช.ขอนแก่น

นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ในการใช้สิทธิออกเสียงประชามติที่ผ่านมาขอนแก่นมีผู้ออกมาใช้สิทธิทั้ง 26 อำเภอคิดเป็นร้อยละ 53 ขณะที่การใช้สิทธิออกเสียงประชามติในวันที่ 7 ส.ค.นี้มั่นใจว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิกันมากถึงร้อยละ 60 ขณะที่การเตรียมความพร้อมการจัดการออกเสียงนั้น จังหวัดได้ประสานงานร่วมกับ กกต. ในการดำเนินงานในภาพรวมอีกทั้งยังคงมีการตั้งศูนย์อำนวยการการออกเสียงประชามติขึ้นในทุกอำเภอเพื่อให้การดำเนินการนั้นเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่วางไว้ทั้งหมด ขณะที่กลุ่มต้านหรือกลุ่มที่พยายามออกมาเคลื่อนไหวในด้านต่างๆ ก็ต้องอยู่ในพื้นฐานของกฎหมายผิดก็คือผิดไม่มียกเว้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายการข่าวและความมั่นคงยังคงเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหว ซึ่งขณะนี้พบเพียง 1 กลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อเนื่องจากเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวันที่อาทิตย์ที่ผ่านมา (31 กรกฎาคม)

“วันนี้เป็นการจัดเวทีเพื่อแสดงความคิดเห็น ตามที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด ซึ่งเป็นเวทีสาธารณะที่ทุกฝ่ายสามารถที่จะแสดงออกได้แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ซึ่ง กกต.ขอนแก่นเป็นแม่งานหลักในการกำหนดจัดเวทีดังกล่าวขึ้น โดยเชิญทุกฝ่ายมาพูดคุยกันและแสดงออกในขอบเขตที่กำหนด  ขณะที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการพยายามจัดกิจกรรมโหวตโน ของกลุ่มประชาธิปไตยใหม่อีสานและกลุ่มพลเมืองคนรุ่นใหม่ ที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้นขณะนี้อยู่ในระหว่างของการรวบรวมพยานเอกสารหลักฐานเอาผิด ซึ่งพบว่ามีความผิดในข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ, ข้อหาชุมนุมกันทางการเมืองเกินกว่า 5 คนและการกระทำผิดว่าด้วย พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ ซึ่งหลังวันที่ 7 ส.ค.เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจและฝ่ายปกครองจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยเน้นไปที่แกนนำทุกฝ่ายรวมทั้ง อดีต ส.ส.และอดีตแกนนำคนเสื้อแดงและแนวร่วม นปช.ซึ่งขณะนี้มีการบันทึกภาพถ่ายและเอกสาหลักฐานต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว” นายกำธร กล่าว

ด้าน รศ.พรรณวดี ตันติศิรินทร์ อดีตแกนนำ นปช.ขอนแก่น กล่าวว่า เห็นด้วยและสนับสนุนกับการที่ทุกฝ่ายได้ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงโค้งสุดท้าย โดยเฉพาะกับการแสดงจุดยืนในการไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวและเชิญชวนให้คนไทยทั้งประเทศออกมาโหวตโนหรือใช้สิทธิไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว เนื่องจากมีหลายเรื่องที่กำหนดไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่ไม่เป็นธรรมและไม่ชอบธรรม มีการคุมอำนาจเบ็ดเสร็จและเสร็จสรรพในส่วนกลาง จึงไม่ใช้เรื่องแปลกที่ใกล้ถึงวันออกเสียงประชามติและมีกลุ่มคนต่างๆมาเคลื่อนไหวมากขึ้น เพราะต้องการที่จะเรียกร้องความชอบธรรมและต่อต้านการกระทำของกลุ่มเผด็จการและให้ประเทศกลับเข้าสู่การเมืองการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย

Advertisement

“จากการสอบถามประชาชนส่วนใหญ่ต่างก็ทราบและไม่ทราบถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว หลายคนอ่านแล้วงง หลายคนอ่านแล้วไม่เข้าใจ หลายคนไม่ได้รับเอกสารที่ กกต.หรือคณะกรรมาธิการได้ทำการแจกจ่าย จึงไม่ทราบว่าจะรับหรือไม่รับอย่างไร ดังนั้นการที่เยาวชนและแกนนำต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหว โดยเฉพาะกลุ่มนักวิชาการและนักศึกษาและกลุ่มพลังมวลชนออกมาเคลื่อนไหวอย่างหนักในระยะนี้โดยส่วนตัวเห็นด้วยและสนับสนุนเพราะเราแสดงออกตามสิทธิและเสรีภาพที่ควรได้รบ และมั่นใจว่าจะมีอีกหลายกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวไปจนถึงวันออกเสียงประชามติ เพราะถึงแม้กระทั่งอดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีก็ออกมายืนยันว่าไม่เห็นด้วยและไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้” รศ.พรรณวดี กล่าว

รศ.พรรณวดี กล่าวเพิ่มเติ่มว่า การที่สหประชาชาติและหน่วยงานองค์กรอิสระทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศมาเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวและลงพื้นที่เก็บข้อมูลในช่วงก่อนถึงวันออกเสียงประชามติ ซึ่งเลือกขอนแก่นเป็นจังหวัดในระดับภูมิภาคนั้นเหตุเพราะความเคลื่อนไหวต่างๆของประชาชี่มีขึ้นและกลับมีการริดรอนสิทธิเสรีภาพอย่างชัดเจนและเชื่อว่าองค์กรอิสระและหน่วยงานต่างๆ นั้นจะยังคงอยู่ในพื้นที่ไปจนถึงช่วงสิ้นสุดการลงประชามติ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่นานาประเทศจะรู้ว่าคนไทยนั้นถูกลิดรอนสิทธิอย่างไรบ้าง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image