น.ศ.ศิลปากรจี้ ‘ประชาธิปไตยในที่ทำงาน’ ปลุกประชาราษฎร์ตื่น ทวงมูลค่าที่ถูกปล้น

น.ศ.ศิลปากรจี้ ‘ประชาธิปไตยในที่ทำงาน’ ปลุกประชาราษฎร์ตื่น ทวงมูลค่าที่ถูกปล้น

เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ ท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ  “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” และเครือข่าย จัดกิจกรรม “19 กันยา ทวงอำนาจ คืนราษฎร” โดยจะมีกิจกรรม เปิดเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาล สลับการแสดงดนตรี และการแสดงละครล้อเลียน

เวลา 17.42 น. นายฉัตรชัย พุ่มพวง นักศึกษาคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ม.ศิลปากร ขึ้นปราศรัย โดยกล่าวว่า 19 กันยาปีนี้ไม่เหมือนเดิม ประชาชนตื่นรู้ ก้าวหน้าสุดในทางสังคม เราพูดในสิ่งที่คิด รุมชี้ปัญหา สาเหตุ เป็นเรื่องยินดีที่เราจะได้ประชาธิปไตยทางการเมืองเสียที

พวกเขาได้ช่วงชิงทุกอย่างไปจากเรา ตอนนี้ประเทศเราเหลื่อมล้ำมากที่สุดของโลก คนจนทำงานทั้งชีวิตไม่สามารถมีเงินได้เท่าคนรวยที่หาได้ใน1 ปี ความก้าวหน้าทางสังคมเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการต่อสู้ ต้องช่วยผลักดันต่อไป คือความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ไม่มีประโยชน์ ถ้าราได้ประชาธิปไตย แต่ต้องกลับไปทำงานในบริษัทเผด็จการ อยากให้ทุกคนจำคำนี้ไว้ “ประชาธิปไตยในที่ทำงาน

Advertisement

บริษัท เหมือนกัน นโยบายผู้บริหาร กระทบคนนับพัน โดยแรงงานไม่มีสิทธิต่อรอง ออกแบบนโยบายโดยไม่มีส่วนร่วม ก็ไม่ต่างอะไรกับระบอบเผด็จการที่เราอาศัยอยู่นี้ เราต้องอยู่กับกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ให้คนไม่กี่ตระกูล เราต้องอยู่ในกฎหมายจากปลายกระบอกปืน”

นายฉัตรชัยกล่าวว่า ไม่เอาแล้ว หนี้ทั้งหมดนี้มีดอกเบี้ย และประชาธิปไตยเป็นแค่เงินต้นเท่านั้น พวกเขาเอามันไป 88 ปีแล้ว ถึงเวลาเราต้องทวงคืน เริ่มจากเงินต้นที่เขาต้องจ่าย จึงเสนอให้เอามาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญ ปี 2475 ใจความว่า อำนาจสูงสุดเป็นของราษฎรทั้งหลาย คืนมา และจะเป็นหมุดหมายสำคัญของชัยชนะทางสังคม เพราะอำนาจเป็นของประชาชนทุกคน ไม่ใช่ของใครคนหนึ่ง หรือตระกูลใดตระกูลหนึ่ง

เรื่องดอกเบี้ย เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและ ประขาธิปไตยในที่ทำงาน บริษัทขนาดใหญ่ต้องมีการเลือกตั้งบอร์ดบริหาร ครึ่งหนึ่ง โดยแรงงานผู้ซี่งจะได้รับผลจากนโยบายเหล่านั้น แก้ไขช่องโหว่ที่ทำให้เจ้านายเอาเปรียบลูกจ้างได้ เช่น การทำงานเกิน 8 ชั่วโมงแต่ไม่มีโอที พ่อแม่เรา ครอบครัวเราต้องทำงานมาเป็นสิบๆ ปี แต่ไม่รวยขึ้นเลย มีแค่ไม่กี่ตระกูลที่รวยเอาๆ

Advertisement

นายฉัตรชัยกล่าวต่อว่า ต่อมา คือข้อเรียกร้องให้เก็บภาษีคนรวย รวยมาก จ่ายมาก เพื่อนำมาทำรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า, ปฏิรูปที่ดิน กระจายทรัพยากรสู่คนส่วนมากในประเทศ ตอนนี้เป็นของคนไม่กี่ตระกูล ต้องทำงานเช่าที่ ส่งต่อหนี้ให้ลูกหลาน ต้องหยุดวงจรอุบาทว์นี้เสียที เรียกร้องค่าแรงขั้นต่ำ 800-1,000 บาท เรามีอนาคตของเรา เรามีครอบครัว ไม่ใช่ทำงานเพื่อรับใช้นายทุน ค่าแรงขั้นต่ำต้องเหมาะสมกับสักศรีความเป็นมนุษย์ ต้องเกินพอเหลือเห็น ต้องสร้างอนาคตได้

เรื่องเบี้ยคนแก่ ได้หลักร้อยต่อเดือน มันไม่พอ ต้องหลักหมื่น เพราะคนแก่ในประเทศนี้ ไม่ว่าจะมีความเชื่อแบบไหน จะมีความงห็นทางการเมืองแบบใด นับถือศาสนา เพศอะไร คุณคือคนที่เคยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศมาทั้งชีวิต ถึงเวลาแล้วที่พวกคุณจะต้องพักผ่อนอย่างสบายใจ เฝ้าดูลูกหลาน เป็นกำลังใจให้เขาสร้างชาติต่อไป

ได้เวลาเลิกเกรงใจพวกโกง เราอาจขยาดคำว่าสังคมนิยม แต่มันไม่ใช่การดึงจากคนรวยมาให้คนจน มันคือการหยุดคนรวยไม่ให้ปล้นคนจนต่อไป ให้ทุกคนนึกภาพ ร้านสะดวกซื่อแอร์เย็น ทำเงินได้วันละเป็นแสนๆ คนที่ดำเนินงาน คือพนักงานทั้งประเทศ แต่คนที่ได้ส่วนแบ่งกลับเป็นเจ้าสัว นายทุน เงินของคุณมันแน่นักหรือ ถ้าไม่มีพวกเรา ร้านสะดวกซื้อจะไปต่อได้หรือไม่ ถ้าไม่มีคนคิดเงิน คนจัดของเข้าชั้น ถ้าไม่มีคนส่งของ จะทำเงินให้คุณได้หรือไม่ แน่นอนว่าไม่ได้

“แอพพ์ส่งอาหารต่างๆ คิดแอพกับนายทุน ก็ไม่ได้ทำให้แอพสร้างมูลค่าเป็นหลายล้าน แต่คนที่สร้างมูลค่าคือคนขับรถมอเตอร์ไซค์ส่งอาหารให้ลูกค้าเป็นร้อยเป้นพัน คนที่คอยรับออเดอร์ มูลค่ากว่าครึ่งที่เขาควรได้ไปตกที่นายทุน ไม่ใช่คนทำงาน สัดส่วนการหักเปอร์เซ็นต์ควรจะแฟร์กว่านี้

เมื่อไม่นานนี้ เห็นคนขับแกร็บไปประท้วง ส่วนตัว เห็นใจ ทำไมเราเข้าข้างนายทุน ทั้งที่พี่คนขับคือแรงงานเหมือนพวกเรา เพราะแรงงานไม่ใช่ใครที่ไหน คือพวกเราทุกคนที่โดนระบบปล้นชิงมูลค่าส่วนเกินไป คอนโดสูง แรงงานเราปราสาท แต่พวกเขาต้องอยู่ในสลัม สร้างความมั่นคั่ง แต่พวกเขากลับยากจน

ตื่นเถิดประชาราษฎร์ แรงงานทั้งชาติคือพวกเรา” นายฉัตรชัยกล่าว
///

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image