‘พิธา’ อัด รธน.60 ฉุดประเทศล้าหลัง จนเป็นปชต.สลึงเดียว วอน ส.ส.-ส.ว. อย่าทำตามคำสั่งระบอบประยุทธ์ ขอมาอยู่ฝั่งเดียวกับปชช.
เวลา 11.50 น. วันที่ 23 กันยายน ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า รธน.2560 ว่า จำเป็นต้องมีการแก้ไข ไม่ใช่เพราะเป็นเพียงเครื่องมือกลไกการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่ยังเป็นกลไกที่ฝืนธรรมชาติ ทวนเข็มนาฬิกาย้อนยุคประเทศไทยให้ล้าหลัง รัฐธรรมนูญฉบับสุดท้ายที่ให้อำนาจส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งเลือกนายกรัฐมนตรีได้ คือรัฐธรรมนูญ 2521 คือผ่านมาแล้ว 40 ปี แต่วันนี้เรายังมีแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มีส.ว.เลือกนายกฯ และนายกฯไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้ง
วันนี้เรามีนวัตกรรมผูกขาดอำนาจแบบใหม่โดยใช้องค์กรอิสระทำลายศัตรูทางการเมือง แต่ประเทศไทยยังไม่ไปไหนวนเวียนหมือนม้าหมุน รุ่นพ่อเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ และกลายเป็นประชาธิปไตยสลึงเดียวในรุ่นลูก การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะถอนฟืนออกจากกองไฟต้องโอบอุ้มคนทุกกลุ่มในประเทศ ไม่ใช่ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เป็นกลไกในการสืบทอดอำนาจของการสืบทอดอำนาจอีกทีหนึ่ง กลายเป็นการสืบทอดอำนาจยกกำลังสอง ดังนั้น การออกแบบรัฐธรรมนูญต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัยไม่จำกัดความฝันของประชาชนกลุ่มใด การห้ามแก้ไขหมวด 1 หมวด 2 จะไม่ช่วยให้ข้อเรียกร้องของประชาชนที่ต้องการระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้พูดถึงด้วยเหตุและผล ซึ่งมีคนบางกลุ่มปลุกปั่นทำให้ข้อเรียกร้องของนักเรียน นักศึกษา กลายเป็นปีศาจของสังคมไทย ทั้งที่ข้อเรียกร้องของพวกเขาเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ
นายพิธากล่าวว่า เราต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยความจริงใจไม่ยื้อเวลาแก้แบบขอไปที เพราะการแก้รัฐธรรมนูญคือทางออกของประเทศ ไม่ใช่แก้เพื่อให้ผู้มีอำนาจอยู่รอดเท่านั้น หากเราแก้ตามร่างที่พรรคร่วมรัฐบาลเสนอ ความขัดแย้งจะยังทอดยาวออกไป เกิดแรงปะทะจากคนที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงจนถึงทางตันไร้ทางออก หากเราไม่สามารถหาทางออกเรื่องนี้ได้อนาคตจะเกิดการปะทะอย่างรุนแรง ซึ่งเราไม่ต้องการให้เกิดขึ้น เราสามารถหลีกเลี่ยงได้ จึงขอให้ส.ส. โดยเฉพาะส.ส.ฝั่งรัฐบาล และส.ว.ทุกท่านอย่าทำตามคำสั่งระบอบประยุทธ์ ถึงเวลาที่ท่านต้องอยู่ฝั่งเดียวกับประชาชน และขอให้หยุดกอดอดีตแล้วปล่อยประเทศไปสู่อนาคต