โต้วุ่น! เสรี โว 250 ส.ว.มาจากประชาชน แขวะก้าวไกล เจอ ส.ส.ลุกประท้วง ‘ชวน’ สั่งถอนคำพูด

เมื่อวันที่ 23 กันยายน ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาญัตติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2560 จำนวน 6 ฉบับ โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานสภา

เวลา 18.15 น. นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. อภิปรายว่า ส.ว.ที่เข้ามาทำหน้าที่อยู่ขณะนี้ไม่ใช่มาจากอำนาจเผด็จการ แต่เข้ามาจากการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติด้วยเสียงข้างมาก เราเข้ามาทำหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญแทนประชาชน แต่มักอ้างกันว่า ส.ว.ไม่เชื่อมโยงกับประชาชน มาจากการแต่งตั้งของ คสช. แต่ คสช.ก็มาจากความเห็นพ้องของเสียงส่วนใหญ่ เข้ามาแก้ปัญหาในภาวะบ้านเมืองมีวิกฤตจนมีรัฐธรรมนูญปี 2560 เกิดขึ้น ซึ่งประชาชนเห็นพ้องต้องกันให้ คสช.เลือกบุคคลมาเป็น ส.ว. ดังนั้น ส.ว.ก็มาจากประชาชน ไม่ได้เดินเข้ามาเฉยๆ พวกท่านอย่าพูดครึ่งเดียว พูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น เป็นการเมืองเก่า ไม่ได้ทำประเทศเจริญ ไม่ได้ทำให้สังคมก้าวหน้า ไม่เกิดสิ่งดีงาม ทั้งนี้ ตนเคยเป็น ส.ส.ร.ทั้งปี 2540 และ 2550 ซึ่งบรรยากาศบ้านเมืองช่วงที่มีรัฐธรรมนูญ 2540 ทุกคนเห็นว่าอยากให้เกิดการปฏิรูปการเมือง แต่บรรยากาศไม่ได้เกิดความแตกแยกต่างจากวิกฤตในครั้งนี้

นายเสรีกล่าวว่า ส่วนที่บอกว่า ส.ว.ต้องมาจากประชาชนถึงจะทำหน้าที่ได้ดี ย้อยกลับไปในรัฐธรรมนูญ 2540 ที่กำหนดให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งโดยตรงครั้งแรกก็พบปัญหาว่า เป็นสภาผัวเมีย ยึดโยงกับพรรคการเมือง ทำหน้าที่โดยแยกไม่ออก เช่น กรณีการเลือกองค์กรอิสระ ส.ว.ถูกแทรกแซง 70-80 คน รับเงินเดือนจาก ส.ส. ขาดอิสระกลายเป็นวิกฤตของประเทศ เมื่อเกิดปัญหาก็ต้องแก้ จนมีรัฐธรรมนูญ 2550 ตนก็เป็น ส.ส.ร.อีก จึงย้อนคิดว่า ตอนปี 2540 ส.ว.ขาดความเป็นอิสระ จึงให้มี ส.ว.เหมือนเดิม แต่ให้เลือกตั้งและการสรรหามาอย่างละครึ่ง ดังนั้น ถ้ามันดีจริง คงไม่พัฒนามาเหลือเป็นอย่างละครึ่ง กลายเป็นปลาสองน้ำ เขียนถึงขั้นห้ามเป็นผัวเมียลูกเครือญาติ เพื่อไม่ให้เชื่อมโยงกัน รัฐธรรมนูญ 2560 ที่มาจากประชาชน บัญญัติว่า ส.ว.มาจากคสช. เพื่อเลือกคนที่ไว้ใจ เข้ามาทำหน้าที่ส.ว.ถือเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นไม่มีอะไรดีที่สุดหรือแย่สุด

“ส่วนญัตติที่เสนอให้สภาฯพิจารณานั้น ตนเป็นห่วงว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในห้วงเวลานี้เป็นข้อเสนอที่ประเทศชาติและประชาชนได้ประโยชน์หรือไม่ หากเป็นข้อเสนอส่วนตน ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สมเหตุสมผล ส่วนข้อเสนอที่จะให้มี ส.ส.ร.นั้น ผมให้ความสำคัญ หากมาจากประชาชนเป็นเรื่องดี แต่มีแนวโน้มว่ามาจากพรรคการเมือง เพราะฐานเสียงของ ส.ส. ท้ายที่สุด ส.ส.ร.มาจากการซื้อเสียงมากที่สุด แต่สิ่งที่ตนกังวลคือขณะนี้มีความเห็นแตกแยก มีการดูหมิ่นสถาบัน และมีข้อเสนอที่ไปไกลมากก้าวไกลจริงๆ ขยับตัวก็เป็นเรื่องเหล่านี้” นายเสรีกล่าว

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นนี้ทำให้นายธีรัจชัยลุกขึ้นประท้วงว่าพาดพิง เอ่ยชื่อพรรคก้าวไกล ว่า ดูหมิ่นสถาบัน ท่านอย่าใช้จินตนาการ ใส่ร้ายคนอื่นท่านเป็นผู้ใหญ่อย่าใช้วาทศิลป์ ขอให้นายชวนทำหน้าที่ประธานสั่งถอน

ด้านนายเสรี กล่าวว่า ขอให้ไปเปิดย้อนดูเทป ตนไม่ได้พูดว่าพรรคก้าวไกลซื้อเสียงหรือดูหมิ่นสถาบัน แต่ตนใช้ภาษาไทยว่า ก้าวไกล ไม่ได้เอ่ยชื่อพรรค แต่ท่านออกหน้ามายอมรับเอง ท่านประธานชวนตอบหน่อยว่า ตนพูดคำว่าพรรคก้าวไกลหรือ คุณตั้งชื่อพรรคซึ่งเป็นภาษาที่เขาใช้กัน

ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงว่า หากนายเสรีบอกว่าไม่ได้พูด ตนจะขออนุญาตถอนหงอก ทำให้นายชวนสั่งให้นายเสรีถอนคำว่าก้าวไกลออก แม้ท่านไม่ได้เอ่ยชื่อพรรค แต่การเอ่ยคำว่า “ก้าวไกล” หมายถึงชื่อพรรคของเขา ขณะที่นายเสรียังดึงดันที่จะไม่ยอมถอนเพราะไม่ได้พูด แต่สุดท้ายก็ยอมถอนแบบไม่เต็มใจ

จากนั้น นายเสรีอภิปรายต่อว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญตาม ม.256 ถูกกล่าวหาว่าแก้ไขยาก เงื่อนไขเยอะ ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ถ้ามองอีกมุม แม้จะกำหนดกระบวนการให้สลับซับซ้อน แต่ตนเข้าใจคนเขียน เชื่อว่ามีเจตนาดี มีความประสงค์ว่าหากอยากแก้ไขรับธรรมนูญ สามารถทำได้ในหมวดแก้ไขเพิ่มเติม แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากหลายฝ่ายถึงจะแก้ได้ หมายความว่า ทุกฝ่ายต้องสมัครสมานสามัคคี เห็นพ้องต้องกัน แต่ถ้ายังมาใส่ร้ายเสียดสี มันไม่เกิดความปรองดอง สามัคคี ก็แก้ไม่ได้ ดังนั้น ควรให้สมประโยชน์กับประชาชนทั้งประเทศ แต่ทั้ง 6 ญัตติมีคำถามเยอะ และไม่ได้ปรึกษาหารือ ส.ว. หรือหากเราได้ดูรายละเอียดมากกว่านี้ ก็จะได้รัฐธรรมนูญที่เห็นพ้องต้องกัน แต่ถ้ายังพูดใส่ร้ายเสียดสี ส.ว.แบบนี้ไม่มีทางสำเร็จ ตนเป็นคนหนึ่งที่จะไม่ยอมรับสิ่งที่ ส.ส.ยัดเยียดให้เรา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image