‘ถวิล เปลี่ยนศรี’ ลั่นไม่รับทั้ง 6 ร่างแก้ไขรธน. ย้ำปชช.ไม่ได้เดือดร้อนรำคาญกับรธน.ฉบับนี้

“ถวิล เปลี่ยนศรี” ยันไม่รับทั้ง 6 ร่างแก้ไข รธน. บอกควรแก้ที่นิสัยคนใช้ รธน. ย้ำ ปชช.ไม่ได้เดือดร้อนรำคาญกับ รธน.ฉบับนี้

เมื่อเวลา 11.53 น. วันที่ 24 กันยายน ที่รัฐสภา นายถวิล เปลี่ยนศรี ส.ว. อภิปรายว่า พิจารณาเรื่องนี้ด้วยเหตุและผลอย่างเคร่งครัด โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นหลัก ไม่ยึดผลประโยชน์ตนเอง ซึ่งยังไม่สามารถเห็นด้วยทั้ง 6 ฉบับ เหตุผลประการแรกคือ รัฐธรรมนูญแม้จะเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ แต่ก็ไม่ใช่แก้วสารพัดนึกที่จะสามารถแก้ไขปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างได้ รัฐธรรมนูญแก้ปัญหาการว่างงาน เพิ่มเงินในกระเป๋าประชาชน การด้อยความศึกษา การเจ็บป่วย และโควิดไม่ได้ ทั้งนี้ เราเคยมีรัฐธรรมนูญที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดมาแล้ว เมื่อปี 2540 ซึ่งสร้างขึ้นโดย ส.ส.ร.เช่นเดียวกัน แต่ในที่สุดแล้วรัฐธรรมนูญฉบับนั้นก็ไปไม่ได้ถูกย่ำยี ผู้ที่ใช้ก็บิดเบือนใช้ทั้งหมด ดังนั้น การมีรัฐธรรมนูญดี ต้องมีคนใช้ที่ดีด้วย เพราะถ้ามีรัฐธรรมนูญดี แต่คนใช้ไม่มีจิตสำนึก ไม่มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป รัฐธรรมนูญดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ อย่างที่เห็นตัวอย่างมาแล้ว ดังนั้น บางทีเราอาจต้องเปลี่ยนจากการแก้รัฐธรรมนูญเป็นแก้นิสัยคนใช้รัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญแก้ได้ แม้จะแก้ยากก็ตาม วึ่งความจริงแล้ว ประเด็นในการแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้อยู่ที่แก้ยากหรือแก้ง่าย แต่อยู่ที่ประเด็นการแก้ไขว่ามีพอหรือไม่ ถ้ามีเหตุผลเพียงพอแก้ยากแค่ไหนก็แก้ได้

นายถวิลกล่าวอีกว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดให้ใช้เสียง ส.ว. 1 ใน 3 หรือ 84 เสียงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนคิดว่า อย่าว่าแต่ 84 เสียงเลย ท่านจะเอาทั้ง 250 เสียงก็ย่อมเป็นไปได้ ถ้าประเด็นที่จะแก้ไขเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ไม่เว้นแม้แต่ประเด็นที่พวกเราถูกกล่าวหา หรือประเด็นที่ถูกบอกว่า เป็นประโยชน์ของ ส.ว. ใช้ภาษาวัยรุ่นคือ ได้ทั้งหมด ถ้าสดชื่น ประเด็นต่อมาคือ มาตรา 256 ของรัฐธรรมนูญปี 60 นั้น ตนอ่านหลายรอบแล้วไม่มีคำว่า รื้อ หรือร่างใหม่ ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยการตั้ง ส.ส.ร. อาจไม่สอดคล้องกับเจนารมณ์ของรัฐธรรมนูญในหมวดนี้ นอกจากนี้ การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ให้มีการตั้ง ส.ส.ร. อาจขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เคยวินิจฉัยไว้ในปี 2555 ว่า รัฐธรรมนูญนั้นเป็นของประชาชน เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ผ่านการทำประชามติมาแล้ว การจะตั้ง ส.ส.ร.เพื่อมาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ต้องกลับไปหาประชาชนอีกครั้งหนึ่ง และต้องมีการทำประชามติถึง 3 ครั้ง ว่าจะให้แก้หรือไม่ แก้ประเด็นนั้นๆ หรือไม่ และรับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งการทำประชามติ 3 ครั้ง ใช้เงินกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท เป็นจำนวนเงินที่สูงมาก และเราไม่ควรเสียไปในช่วงเวลาที่เรามีปัญหามากมาย นอกจากนี้ การแก้รัฐธรรมนูญก็ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ตนยังมองว่าการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตั้ง ส.ส.ร.ไม่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน และประชาชนไม่ได้เดือดร้อนรำคาญกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ดังนั้น จึงไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประเด็นนี้ ส่วนประเด็นย่อยใน 4 ร่างนั้น หลักการพอรับได้ แต่รายละเอียดบางเรื่องยังไม่เหมาะสม และจะสร้างปัญหาภายหลัง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image